ตามรอยต้นน้ำคงคา สู่เชิงผาหิมพานต์ หุบเขาแห่งดอกไม้

เมื่อพูดถึงอินเดีย ‘แม่น้ำคงคา’ คงเป็นสิ่งที่หลายคนนึกถึงเป็นอันดับต้น ๆ เพราะเป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในประเทศและกล่าวได้ว่าเป็นสายน้ำที่อยู่ควบคู่กับวิถีชีวิตชาวอินเดีย โดยเฉพาะชาวฮินดูมายาวนาน นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์รวมความเชื่อและวัฒนธรรมสำคัญหลากหลาย แน่นอนครั้งนี้เราจะพาไปตามรอย 16 สถานที่ของต้นแม่น้ำคงคา

Haridwar

เมืองหริญทวาร เป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ซึ่งแม่น้ำคงคาไหลจากเทือกเขาหิมาลัยลงมาสู่ที่ราบในเมืองนี้เป็นแห่งแรก ชาวฮินดูเชื่อว่าพระศิวะนำมวยผมของท่านมารองรับสายน้ำคงคาเพื่อลดความเกรี้ยวกราดของพระแม่คงคาที่บริเวณนี้ โดยแม่น้ำคงคามีความพิเศษ คือเป็นแม่น้ำสายสำคัญสำหรับอุปโภค บริโภค หรือการทำพิธีกรรมต่าง ๆ มานานนับพันปี

Chanti Devi Temple

วัดจันทิเทวี ตั้งอยู่บนยอดเขานีล ประวาท (Neel Pravat) เมืองหริญทวาร (Haridwar) วัดแห่งนี้สร้างให้แก่มหาเทวีจันทิซึ่งเป็นปางตรีมูรติของเทวนารีที่รวมพระแม่กาลี พระแม่ลักษมี และพระแม่สรัสวดีเข้าเป็นปางเดียวกัน การขึ้นไปที่นี่ที่นี่จำเป็นต้องขึ้นกระเช้าไฟฟ้า โดยคุณสามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองและแม่น้ำคงคาได้ทุกทิศทาง

Swami Vivekanand Park

สวนสาธารณะสวามีวิเวกานันท์ จุดชมแม่น้ำคงคาสายย่อยที่ไหลผ่านไปบรรจบกับแม่น้ำคงคาสายใหญ่ โดยมีเทวรูปพระศิวะอยู่บริเวณจุดที่แม่น้ำ 2 สายนี้บรรจบกัน และเทวรูปพระแม่คงคาอยู่กลางแม่น้ำคงคา นอกจากเป็นชุดชมวิวยอดนิยมแล้ว ยังเป็นสถานที่ทำกิจกรรมของชาวอินเดียอีกด้วยไม่ว่าจะวิ่งออกกำลังกายหรือพักผ่อนหย่อนใจกับครอบครัว

Har Ki Pauri Ghat

ท่าน้ำฮารกี เปารี เมืองหริญทวาร จัดพิธีคงคาอารตี (Ganga Aarti) พิธีบูชาพระแม่คงคาด้วยกระทงประมาณ 6 โมงเย็นของทุกวัน กล่าวได้ว่าที่นี่จัดพิธีนี้ได้มีเสน่ห์ที่สุดในอินเดีย ทำให้  ‘นักเดินทาง’ หลงใหลไปกับแสงไฟ กลิ่นเครื่องหอม และกลิ่นอายบรรยากาศอันศักดิ์สิทธิ์

Rishikesh

อีกหนึ่งเมืองศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดู ตั้งอยู่ในหุบเขาศักดิ์สิทธิ์บริเวณเชิงเขาหิมาลัย มีวัดฮินดูและอาศรมมากมายเรียงรายริมฝั่งแม่น้ำคงคา เมืองนี้มีความพิเศษที่น้ำในแม่น้ำคงคาที่ไหลผ่านเมืองเป็นสีเขียวมรกตแปลกตากว่าที่อื่น โดยมีจุดที่น่าสนใจ คือสะพานรามจุฬา (Ram Jhula) ถึงสะพานลักษมันจุฬา (Laxman Jhula) สะพานแขวนเหล็กซึ่งนับว่าเป็นแลนด์มาร์กประจำเมืองที่ไม่ควรพลาด

Triveni Ghat

ท่าน้ำตรีเวณี ท่าน้ำที่มีชื่อเสียงของเมืองฤษีเกษ (Rishikesh) เมืองที่กล่าวได้ว่าเป็นต้นกำเกิดของฤๅษี โยคี รวมไปถึงโยคะ ท่าน้ำแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงบริเวณที่แม่น้ำคงคา มยุนา และสรัสวดีมาบรรจบกัน เป็นจุดที่ผู้คนนิยมออกมาเดินเล่น มีเทวรูป และอนุสรณ์สถานที่สวยงามหลายแห่งและเป็นจุดชมแม่น้ำคงคาสีเขียวมรกตซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเมืองฤษีเกษที่ไม่ควรพลาด และยังมีอาศรมปรามาส นิเกต้น (Parmarth Niketan Ashram) ที่ริมตลิ่งมีเทวรูปมหาเทพศิวะท่าสมาธิ โดยทั้ง 2 แห่งมีพิธีคงคาอารตีเพื่อบูชาพระแม่คงคา

Vashishtha Cave

ถ้ำฤษีวษิต ถ้ำโบราณซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเมืองฤษีเกษประมาณ 20 กว่ากิโลเมตร เป็นสถานที่ปลงอาบัติของฤษีวษิต เป็นจุดที่มีทิวทัศน์งดงามมาก เนื่องจากตั้งอยู่ไม่ไกลจากริมแม่น้ำคงคาซึ่ง ‘นักเดินทาง’ สามารถพักผ่อนหย่อนใจหรือถ่ายรูปดื่มด่ำบรรยากาศสบาย ๆ ได้

Uttarkashi

เมืองอุตรกาสี เมืองตากอากาศที่มีชื่อเสียงริมแม่น้ำภคีรถี ต้นแม่น้ำคงคาบนเขากึ่งกลางเส้นทางไปเมืองคังโคตรี (Gangotri) มีวัดวิศวะนาท (Vishwanath Temple) ซึ่งเป็นวัดโบราณอุทิศให้กับพระศิวะ ตามตำนานกล่าวว่าวัดแห่งนี้สร้างโดยปรศุราม อวตารปางหนึ่งของพระนารายณ์

Gangotri

เมืองคังโคตรี เมืองต้นกำเนิดแม่น้ำคงคาที่แท้จริง โดยชาวฮินดูเชื่อว่าแม่น้ำคงคาไหลจากสวรรค์มายังโลกมนุษย์ที่เมืองนี้ โดยเมืองนี้ตั้งอยู่บนต้นแม่น้ำภคีรถีที่ความสูงราว 3,048 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล บนเทือกเขาการห์วาล หิมาลายา (Garhwal Himalaya) และเปิดให้มาเยือนได้เพียงแค่ปีละ 6 ครั้ง ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงปลายเดือนตุลาคมของทุกปี เพราะช่วงฤดูหนาวมักมีหิมะตกหนัก จนทำให้ชาวเมืองต้องย้ายลงไปอยู่ที่เมืองอื่น ๆ ข้างล่าง

Gangotri Temple

เทวสถานคังโคตรี สร้างจากหินแกรนิตขาว โดยผู้บัญชาการทหารกูรข่า อมาร์ สิงห์ ทาพาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18เพื่ออุทิศให้แก่พระแม่คงคาเทวี เทวสถานแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ก้อนหินใหญ่ริมฝั่งแม่น้ำ ชื่อ ภคีรถศิลา ที่เชื่อว่าพระราชาภคีรถบำเพ็ญตบะขอให้พระศิวะอัญเชิญพระแม่คงคาลงมาจากสวรรค์เพื่อล้างบาปให้แต่บรรพบุรุษของพระองค์ และริมฝั่งแม่น้ำนี้เป็นที่สถิตของศิวลึงค์ที่จมอยู่ใต้น้ำซึ่งสามารถมองเห็นได้ในฤดูหนาวเมื่อระดับน้ำของแม่น้ำลดลง

Bhagirathi River

แม่น้ำภคีรธี  สถานที่ท่องเที่ยวหลักที่มีชื่อเสียงของเมืองคังโคตรี (Gangotri) เป็นแม่น้ำสำคัญซึ่งเป็นต้นน้ำของแม่น้ำคงคา มี 2 จุดสำคัญ คือ Gauri Kund และ Surya Kund แก่งน้ำตกที่งดงามและกล่าวได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของต้นน้ำคงคา ลักษณะเป็นโขดหินแกรนิตที่ถูกน้ำกัดเซาะจนมีรูปลักษณ์เว้าแหว่ง และริมฝั่งแม่น้ำยังเป็นที่สถิตของศิวลึงค์ที่จมอยู่ใต้น้ำซึ่งจะมองเห็นได้ในฤดูหนาว

Mukhwas Village

หมู่บ้านมุคห์วาส ตั้งอยู่ห่างจาหเมืองฮาร์ซิลเพียง 1 กิโลเมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองและประดิษฐานเทวรูปพระแม่คงคาในช่วงฤดูหนาวในขณะที่เมืองคังโคตรีปิดเพราะหิมะตกหนัก

Gaumukh Glacier

ธารน้ำแข็งโคมุข ธารน้ำแข็งซึ่งเป็นจุดก่อกำเนิดต้นแม่น้ำภคีรถี ที่ต่อมาจะกลายเป็นแม่น้ำคงคาที่ยิ่งใหญ่ เป็นสถานที่ที่ต้องเดินเท้าเข้ามาเท่านั้น โดยเส้นทางที่ใกล้ธารน้ำแข็งมากที่สุด คือโบจบาซาแคมป์ (Bhojbasa Camp) ซึ่งเป็นเส้นทางเดินของผู้แสวงบุญชาวฮินดูระยะทางราว 14 กิโลเมตร จะมีการหยุดพักเป็นระยะ พักช่วงแรกที่เชอร์บาซา (Cherbasa) ชมทิวทัศน์ของป่าสนเขาสลับกับต้นชา ก่อนมุ่งหน้าต่อไปยังโบจบาซาซึ่งมีภูมิประเทศเป็นทุ่งโล่ง และแห้ง โดยรายล้อมด้วยยอดเขาสูง ก่อนเปลี่ยนเป็นป่าสนขนาดใหญ่ และต้องผ่านหุบเขาแคบ หินน้อยใหญ่ หาดทรายจนกระทั่งถึงโคมุข ตลอดทางจะพบกับธรรมชาติที่สวยงาม ในขณะที่บริเวณธารน้ำแข็งจะมีภูมิทัศน์ตระการตาเหนือจินตนาการของภูเขาศิวลึงค์ (Shivling) และภูเขาภคีรถี (Bhagirathi) ให้ชม

Tehri

เมืองเตห์รี เมืองที่มีทะเลสาบเตห์รีและโครงการเขื่อนเตห์รี เขื่อนพลังงานน้ำใหญ่ติดอันดับ 5 ของโลก โดยมีการผันน้ำจากแม่น้ำคงคาและยมุนาตอนบนเพื่อแจกจ่ายให้แก่พื้นที่เกษตรกรรม 75,000 ไร่ และผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานน้ำได้ถึง 2,400 เมกะวัตต์ส่งให้เมืองเดลลี และเมืองอุตสาหกรรมตอนล่างอีกหลายแห่ง

Rudraprayag

เมืองรุทรประยาค เมืองที่ตั้งอยู่บนความสูง 895 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง จุดสำคัญของเมืองนี้คือจุดส้งค้ม (Sangam) หรือจุดบรรจบของแม่น้ำอลัคนันดา (Alaknanda) กับแม่น้ำมัณฑากินี (Mandakini) ที่ไหลบรรจบกันที่แม่น้ำภคิรถีและกลายเป็นน้ำคงคาในเวลาต่อมา

Devaprayag

เมืองเทวประยาค เมืองเล็ก ๆ บนเส้นทางขึ้นเขาไปต้นกำเนิดแม่น้ำคงคา เป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่ผู้ตามรอยพระแม่คงคาไม่ควรพลาด เพราะตั้งอยู่ในหุบเขาที่แม่น้ำภคีรถี (Bhagirathi) และแม่น้ำอลัคนันทาไหลมาบรรจบกันเป็นแม่น้ำคงคา และมีภูมิทัศน์ที่สวยงามท่ามกลางหุบเขาใหญ่ โดยก่อนชมความศักดิ์สิทธิ์ของแม่น้ำคงคาที่เมืองนี้ ยังมีเมืองโควินด์ฆาต (Govind Ghat) ที่มีแกงกาเรีย (Ghangaria) ซึ่งเป็นที่ตั้งสำหรับการเดินทางต่อไปยังหุบเขาดอกไม้ที่สวยงามที่มีทั้งลำธาร และน้ำตก

หลังจากที่เราพาคุณไปสัมผัสความหัศจรรย์ของเมืองต้นแม่น้ำคงคาและดินแดนแห่งตำนาน ที่ป่าหิมพานต์แล้ว เราจะนำท่านเดินทางไปต่อสู่ 4 เมืองแห่งขุนเขาหิมาลัย ที่งดงามราวภาพวาด และยังมีร่องรอยของชุมชนโบราณจากคัมภีร์มหาภารตะ รวมถึงเสน่ห์ของเมืองตากอากาศจากยุคอาณานิคมอังกฤษที่ชัดเจน กลายเป็นจุดหมายปลายทางสุดพิเศษที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนอินเดีย

Auli

เมืองเอาลี เมืองที่เป็นจุดหมายของนักเดินทางผู้ชื่นชอบการเล่นสกีและปีนเขา จุดเด่นคือภูมิประเทศที่กว้างใหญ่และสวยงาม โดยเฉพาะภูเขาต่าง ๆ อาทิ ภูเขาอนันดาเทวี (Ananda davi) ดูนะคีรี (Dunakiri) นิลขัณฐ์ (Neelkhan)  ฮาธิปาร์วัต (Hadi Pawath) และเบธาโตลี่ (Betha Dori) ซึ่งคุณสามารถสัมผัสบรรยากาศของทะเลหมอก และชมดอกไม้ป่าที่สวยงามในทุ่งหญ้ากว้างบนยอดเขา และหากอากาศดีก็สามารถมองเห็นไกลถึงหุบเขาดอกไม้อีกด้วย

Badrinath

เมืองภัทรินาถ เมืองศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นที่สถิตของพระวิษณุตามความเชื่อของชาวฮินดู ตั้งอยู่ในภูเขาการ์วัลที่สูงกว่า 3400 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง เป็นเมืองที่มีภูมิทัศน์โดยรอบสวยงามมาก เพราะมียอดเขานิลกัณฐ์ (Neelkantha Peak) เป็นฉากหลัง และมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ คือวัดภัทรินาถ (Badrinath Temple) เพราะเป็นที่ตั้งของเทวรูปหินสีดำที่พบในแม่น้ำอลัคนันดา โดยวัดแห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่ซึ่งผ่านการซ่อมแซมครั้งใหญ่หลายครั้ง สภาพที่เห็นปัจจุบันได้รับการบูรณะในสมัยกษัตริย์แห่งชัยปุระ ทั้งโถงขนาดใหญ่ หลังคายอดประดับด้วยทอง และมีการแกะสลักผนังและเสาหินอย่างประณีตงดงาม

แนะนำให้แวะหมู่บ้านมานะ (Mana Village) ซึ่งอยู่ไม่ไกล เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวยอดนิยมที่ตั้งอยู่ห่างจากชายแดนอินเดียและทิเบต 24 กิโลเมตร มีทิวทัศน์ที่สวยงามเพราะมีภูเขาล้อมรอบ ในเมืองมีร่องรอยเกี่ยวกับมหาภารตะมากมาย โดยมีสถานที่น่าสนใจคือ สะพานภีมะปุย (Bheem Pui Bridge) ก้อนหินขนาดใหญ่ตามธรรมชาติที่ลักษณะคล้ายสะพานสำหรับข้ามแม่น้ำสรัสวดี ซึ่งหมู่บ้านนี้ยังมีถ้ำฤาษียาส (Vyas Cave) และถ้ำพระพิฆเนศวร (Ganesh Cave) ให้ชม

Govind Ghat

เมืองโควินด์ฆาต เมืองเก่าแก่ที่เป็นเส้นทางผ่านของผู้แสวงบุญและนักเดินทาง เป็นเมืองที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวผู้ชื่นชอบการผจญภัยและธรรมชาติ จุดหมายที่นักเดินทางทุกคนมุ่งหน้าแสวงหา คือหุบเขาดอกไม้ (Valley of Flowers) ที่มีชื่อเสียง โดยการขึ้นไปถึงทุ่งดอกไม้เริ่มต้นโดยการนั่งม้าสู่แกงกาเรีย (Ghangaria) ฐานที่ตั้งแคมป์สำหรับเดินทางสู่หุบเขาดอกไม้  ระหว่างทางจะมีวิวป่าสน โตรกธาร ทะเลหมอก และธรรมชาติต่าง ๆ ให้ชื่นชม หลังจากนั้นสามารถเดินหรือนั่งเสลี่ยงเพื่อไปสู่หุบเขาดอกไม้ เพื่อชมทุ่งดอกไม้พันธุ์หายากในเขตเทือกเขาหิมาลัย คิดภาพหุบเขาเนื้อที่กว่า 20 ตารางกิโลเมตร ที่ดารดาษไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ ยังมีน้ำตกและลำธารไหลผ่านทุ่งดอกไม้ ช่างเป็นภาพที่เหมือนอยู่บนสรวงสวรรค์โดยแท้

Mussoorie

เมืองมัสซูรี่ เมืองตากอากาศฤดูร้อนของชาวอินเดีย และเป็นเมืองฮันนีมูนบนเขาในเขตเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งมีทิวทัศน์ที่งดงามมาก จนได้รับการขนานนามว่า Queen of the Hills หรือราชินีแห่งขุนเขา เมืองนี้ตั้งอยู่บนความสูง 2,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องเยือนชมอย่าง น้ำตกเคมป์ตี้ (Kempty Falls) ที่สวยงามและเหมาะแก่การเป็นสถานที่พักผ่อน

อีกแห่งคือ สวนสาธารณะของเมือง Municipal Garden หรือ Campany Bagh ชมบรรยากาศสดชื่นของน้ำตกกลางหมู่มวลดอกไม้

แล้วนั่งเคเบิลคาร์สู่จุดชมวิวบนยอดเขากันฮิลล์ (Gun Hill) ดื่มด่ำบรรยากาศเมืองตากอากาศในยุคอาณานิคมกันแบบฉ่ำปอด

สนใจเส้นทางอินเดีย
โทร. 09 8885 8842 / 09 8865 2094

Close