ศรีลังกา-มัลดีฟส์ ตามรอยพุทธองค์สู่ลงกา

กำหนดได้เอง
  • tour_image_srilanka

Description

ศรีลังกา (Sri Lanka) หรือชื่อทางการว่า สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา (Democratic Socialist Republic of Sri Lanka) เป็นเกาะเล็กๆในมหาสมุทรอินเดียใกล้ชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของอนุทวีปอินเดีย และเป็นเกาะที่คนไทยรู้จักกันดีในชื่อ “เกาะลังกา” มาตั้งแต่สมัยโบราณ เพราะเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่นับถือพระพุทธศาสนาฝ่าย “เถรวาท” ที่มั่นคงและมีบทบาทสำคัญในการเผยแผ่ธรรมะ ทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นอย่างยิ่งประเทศหนึ่ง ในอดีตมีชื่อเรียก ได้แก่ ลงกา ลังกาทวีป สิงหลทวีป และ ซีลอน ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้ในสมัยอาณานิคมจนถึง พ.ศ. 2517 (ค.ศ.1974) และเป็นชื่อที่ยังคงใช้ในบางโอกาส ซึ่งชื่อในปัจจุบันคือ ศรีลังกา ชีวิตบนเกาะนี้ ได้รับผลกระทบจากการสู้รบ ระหว่างรัฐบาล และกบฏแบ่งแยก พยัคฆ์ทมิฬอีแลม (Liberation Tigers of Tamil Eelam) ซึ่งได้มีข้อตกลงหยุดยิงเมื่อต้นปี พ.ศ. 2545 (ค.ศ.2002)
พระพุทธศาสนาได้เผยแพร่จากอินเดียสู่ลังกา เมื่อประมาณ พ.ศ. 236 ในคราวที่พระเจ้าอโศกมหาราชทรงอุปถัมภ์การสังคายนาพระธรรมวินัยครั้งที่ 3 ในอินเดีย และได้ส่งพระเถระผู้รอบรู้แตกฉานในพระธรรมวินัยไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในดินแดนต่างๆ รวม 9 สายด้วยกัน ใน 9 สายนั้น สายหนึ่งได้มายังเกาะของชาวสิงหล ได้แก่ประเทศศรีลังกาในปัจจุบัน โดยการนำของพระมหินทเถระ ในรัชสมัยของพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ ซึ่งเป็นกษัตริย์ของลังกาและเป็นพระสหายของพระเจ้าอโศกมหาราช แต่ทั้งสองพระองค์ยังไม่เคยพบกัน พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะทรงศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ได้อุทิศมหาเมฆวันอุทยานเป็นวัด เรียกว่า “ วัดมหาวิหาร ” ถวายแก่พระภิกษุสงฆ์
พระพุทธศาสนาที่เข้าสู่ลังกาในยุคนี้ เป็นพุทธศาสนาแบบเถรวาท พระมหินทเถระได้นำเอาพระไตรปิฎกและอรรถกถาไปสู่ลังกาด้วย การเดินทางไปสู่ลังกาของพระมหินทเถระในครั้งนั้น นอกจากเป็นการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแล้ว ยังถือว่าเป็นการปลูกฝังวัฒนธรรมของชาวลังกา เพราะท่านมิเพียงแต่นำเอาพระพุทธศาสนาไปเท่านั้น ท่านยังได้นำเอาอารยะธรรม ศิลปกรรม สถาปัตยกรรม เข้าไปด้วย ลำดับต่อมา พระนางอนุฬาเทวีมเหสีและสตรีบริวารจำนวนมาก ปรารถนาจะอุปสมบทบ้าง พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะจึงทรงส่งคณะทูตไปสู่ราชสำนักของพระเจ้าอโศก ทูลขอพระนางสังฆมิตตาเถรี และกิ่งพระศรีมหาโพธิ์ ด้านทักษิณมาสู่ลังกาทวีป และพระนางสังฆมิตตาเถรีเป็นอุปัชญาย์บรรพชาอุสมบทแก่สตรีชาวลังกาได้ตั้งคณะภิกษุณีขึ้นในลังกา
…สงครามกับชาวทมิฬ และความเสื่อมของพุทธศาสนา…
เมื่อ พ.ศ. 400 เศษ ในรัชสมัยของพระเจ้าวัฏฏคามนีอภัย ได้มีพวกทมิฬเข้ามาตีและเข้าครองอนุราธปุระเป็นเวลา 14 ปี จนพระองค์ต้องเสียราชบัลลังก์ และเสด็จลี้ภัยไปซ่องสุมกำลัง ระหว่างนั้นทรงได้รับการอุปถัมภ์จากพระมหาติสสะ ต่อมากลับมาครองราชย์อีกครั้ง ได้ทรงให้ทำการสังคายนา และได้ทำการจารึกพระพุทธพจน์ลงในใบลานเป็นครั้งแรก ได้อุปถัมภ์พระมหาติสสะ พร้อมได้สร้างวัดถวาย คือวัด อภัยคีรีวิหาร จนทำให้พระภิกษุชาวมหาวิหารไม่พอใจ จนเป็นเหตุให้คณะสงฆ์แตกออกเป็น 2 คณะ คือ คณะมหาวิหาร กับคณะอภัยคีรีวิหาร ตั้งแต่นั้นมาคณะสงฆ์ลังกาได้แตกออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ แต่ยังเป็นนิกายเถรวาท มีลักษณะต่างกันคือ คณะมหาวิหาร ฝ่ายอนุรักษนิยม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขพระธรรมวินัยใด ๆ และยังตำหนิรังเกียจภิกษุต่างนิกายว่าเป็นอลัชชี คณะอภัยคีรีวิหาร เป็นคณะที่เปิดกว้าง ยอมรับเอาความคิดเห็นต่างนิกาย ไม่รังเกียจภิกษุต่างนิกาย ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 12 ถึง พุทธศตวรรษที่ 1717 เป็นยุคที่ลังกาเดือดร้อนวุ่นวายเพราะการรุกรานจากอินเดียบ้าง ความไม่สงบภายในบ้าง ในระหว่างยุคนี้เองที่ภิกษุณีสงฆ์สูญสิ้น และพระภิกษุสงฆ์เสื่อม จนกระทั่งเมื่อพระเจ้าวิชัยพาหุที่ 1 มีพระราชประสงค์จะฟื้นฟูศาสนาในปี พ.ศ. 1609 ทรงหาพระภิกษุที่อุปสมบทถูกต้องแทบไม่ครบ 5 รูป และต้องทรงอาราธนาพระสงฆ์จากพม่าตอนใต้มากระทำอุปสมบทกรรมในลังกา
พลาเน็ท บูล นำท่านไปชมพุทธสถานที่สำคัญๆ เช่น เมืองโปโลนนารุวะ เป็นเมืองโบราณที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ เมืองนี้ได้เจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดและได้เป็นศูนย์กลางที่สําคัญของพุทธศาสนาอีกแห่งหนึ่งด้วย
ชม เมืองอนุราธปุระ ซึ่งเป็นดินแดนโบราณที่หลากหลายไปด้วยสัญลักษณ์ทางพระพุทธศาสนาตั้งอยู่ทางทิศเหนือของ กรุงโคลัมโบ
วัดถ้ำดัมบุลลา และถ้ำดัมบุลล่า ตั้งอยู่บนภูเขาห่างจากสีคิริยา มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “วัดราชมหาวิหาร” วัดนี้ประกอบด้วยถ้ำ 5 ถ้ำ ที่หน้าสนใจและสวยงามมาก
วัดอลุวิหาร ซึ่งเป็นสถานที่จารึกพระไตรปิฎกลงในใบลานเป็นครั้งแรกในโลกทำให้พระไตรปิฎกและอรรถคถายังคงสืบต่อมาจนปัจจุบัน
วัดพระเขี้ยวแก้วเมืองกัณฏิ เป็นวัดในพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท
จากนั้นจะนำท่านเข้าสู่หมู่เกาะมัลดีฟส์เป็นที่รู้จักกันดีในนามของ “The Last Paradise on Earth” ซึ่งรายล้อมไปด้วยต้นปาล์มที่ลู่ไปตามแรงลม หาดทรายขาวบริสุทธ์ และทะเลสีฟ้าครามกระจ่างใส ทั้งหมดนี้เป็นภาพที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวบนเกาะซึ่งตั้งอยู่ในแถบเขตร้อนที่ยังคงความเป็นธรรมชาติไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
มัลดีฟส์เป็นเกาะที่มีต้นไม้นานาพรรณที่โดดเด่นอยู่กลางมหาสมุทรอินเดีย ราวกับว่ารีสอร์ทแห่งนี้ผลุดโผล่มาจาก ใต้ทะเลขึ้นมายืนโดดเด่นข้างหาดทรายขาว ที่แห่งนี้จึงเหมาะยิ่งนักสำหรับผู้ที่มองหากลิ่นอายของความโรแมนติก และผู้ที่ชื่นชอบการดำน้ำและชมแนวปะการังที่สั่นไหวไปตามแรงกระเพื่อมของน้ำใต้มหาสมุทรและสีสันตระการตาของบรรดาสัตว์และพืชใต้น้ำ ถือเป็นประสบการณ์สุดยอดในวันหยุดที่มิอาจลืมเลือน กล่าวได้ว่าเป็นที่พักผ่อนที่ดีสุดบนโลกใบนี้สำหรับคู่ฮันนีมูนหรือคู่รักที่ท่องเที่ยวด้วยความหวานชื่นได้โดย ไม่ต้องมีข้อกังขาใดๆ

Close