เวียดนาม กวางสี กุ้ยโจว ยูนนาน มหัศจรรย์ธรรมชาติมรดกโลก

กำหนดได้เอง
  • tour_image_vietnam

Description

PlanetBlue นำท่านเข้าสู่ เวียดนาม กวางสี กุ้ยโจว ยูนนาน มหัศจรรย์ธรรมชาติมรดกโลก
3 มณฑลตอนใต้ของประเทศจีนได้แก่ กวางสี กุ้ยโจว และยูนนาน ต่อเนื่องจนถึงตอนเหนือของประเทศเวียดนาม มีลักษณะภูมิประเทศพิเศษ ซึ่งทางธรณีวิทยา เรียกว่า ภูมิประเทศแบบคาร์สต์ Karst หมายถึง เขตภูมิประเทศแบบหินปูนที่น้ำฝนน้ำท่า ชะละลายหินออกไป มากจนเป็นตะปุ่มตะป่ำ เกิดจากกระบวนการทางธรณีวิทยา 2 ชนิด คือ กระบวนการผุพังอยู่กับที่ (weathering)และการกร่อน (erosion) ทำให้เกิดเป็นหน้าผา หลุมบ่อ ถ้ำ หลุมยุบ โขดหิน หลืบเขา และทางน้ำใต้ดินที่ น้ำละลายเอาเนื้อหินปูนแทรกซึมหายลงไป ประกอบกับเขตรอยต่อของภาคเหนือและตะวันตกของมณฑลยูนนาน ตะวันออกำกเฉียงเหนืองของรัฐฉาน ประเทศพม่า จรดตอนเหนือของเวียดนาม เป็นเขตตอนปลายของเทือกเขาหิมาลัย เป็นเทือกเขาสูงสลับซับซ้อนที่ตั้งเด่นอยู่บนเนินลอนคลื่นมี ฝนตกชุก ก่อกำเนิดลักษณะภูมิทัศน์ที่ปรากฏมีความงดงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ตัวอย่างคาร์สต์ ที่โดดเด่นแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ในเขตเมืองฉือหลิน ใน มณฑลยูนนาน Yunnan ที่ประกอบด้วคาร์สจากเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน หรือที่คนไทยรู้จักในนาม ป่าหินฉือหลิน The Stone Forest of Shilin นั้นมีพัฒนาการมาเกือบ 270 ล้านปีตั้งแต่ยุคเปอเมี่ยนจนถึงปัจจุบัน คาร์สที่เมืองลี่โปนั้นคาร์บอเนตได้ถูกกัดกร่อนจนมีรูปทรงกรวยเป็นเขาสูงชัน คาร์สที่เมืองอู่หลงนั้นก็เป็นตัวอย่างของคาร์สที่ถูกกัดกร่อนโดยแม่น้ำ ในที่นี้ก็คือแม่น้ำแยงซีเกียงและลำน้ำสาขา
ภูมิประเทศของมณฑลกุ้ยโจว Guizhou นั้นเหมาะสมกับฉายาของมณฑลที่ว่าเป็น “แว่นแคว้นแห่งขุนเขา” ภายในพื้นที่ 176,100 ตารางกิโลเมตรของดินแดนแห่งนี้ ภูมิประเทศที่เป็นเขตภูดอยและเนินเขากินพื้นที่กว่าร้อยละ 92.5 กุ้ยโจวเป็นมณฑลเดียวของประเทศจีนที่มีแต่แอ่งกะทะโดยไม่มีที่ราบขนาดใหญ่ติดกันเป็นพืด นอกจากนี้ยังนับเป็นเขตเทือกเขาที่ปรากฏภูมิลักษณ์แบบคาสต์อย่างโดดเด่น ซึ่งมีทั้งภูเขาสูงและหุบเหวลึก สภาพภูมิประเทศสลับซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง กระนั้นด้วยสภาพแวดล้อมที่มีทิวเขามากมายเช่นนี้ กุ้ยโจวจึงอุดมไปด้วยทรัพยากรนานาชนิดทั้งทรัพยากรพลังงาน สินแร่ชีวภาพและการท่องเที่ยว เป็นต้น ที่นี่มีทั้งทิวทัศน์คาสต์เขียวขจีเมืองลี่ปอ ซึ่งเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติที่โด่งดังไปทั่วโลก มีทั้งถ้ำมังกรหินงอกหินย้อยกลางน้ำที่ได้รับขนานนามว่าเป็น “สุดอัศจรรย์ สุดตระการตา สุดสวยงาม และสุดวิจิตพิสดาร” ที่มีระดับรังสีสะท้อนจากธรรมชาติต่ำที่สุดของจีน มีทั้งภูเขาพรหมจารีที่ล่ำลือว่าเป็นพุทธมณฑลของพระศรีอาริย์ จนโด่งดังไปทั่วประเทศจีนในฐานะ 1 ใน 5 ภูเขาปูชนียสถานแห่งพระ-พุทธศาสนา มีน้ำตกหวงกัวซู่ Huangguashu Falls ที่เป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจีนซึ่งเป็นน้ำตกใหญ่อันดับที่ 3 ในโลก น้ำตกหวงกั่วซู่เป็นน้ำตกแห่งเดียวที่มีถ้ำ อยู่ด้านหลังเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสสัมผัสกับน้ำตก อีกทั้งยังมีทั้ง หุบโตรกน้ำตกร้อยสายหม่าหลิงเหอ ที่งดงามดั่งสวรรค์สร้าง จนได้สมญาว่าเป็น “รอยแผลที่สวยงามที่สุดในโลก” เขตภูมิทัศน์เมืองซิงอี้ ทางตอนใต้สุดของมณฑลกุ้ยโจวบนที่ราบสูงหินปูนยูนนาน-กุ้ยโจว-กวางสี ที่ราบสูงหินปูนนี้มีขนาดใหญ่โตมากกินเนื้อที่เกือบภาคใต้ตอนกลางทั้งหมดคือบริเวณที่มีภูมิทัศน์มหัศจรรย์แห่งหนึ่งของโลก นอกจากนี้ยังมีทิวทัศน์แม่น้ำจางเจียง (การบูร) เมืองลี่ปอที่คดเคี้ยววังเวง เป็นที่ตั้งของเมืองโบราณเจิ้นหย่วนที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางประวัติ-ศาสตร์วัฒนธรรมและแม่น้ำหยางอู่ที่ไหลเอื่อยอยู่คู่เมืองนี้มาเป็นเวลานับร้อยนับพันปี เมืองแห่งนี้ ทัศนียภาพตามธรรมชาติอันสวยสดงดงามนี้ ทำให้กุ้ยโจวเป็นเหมือนอุทยานขนาดยักษ์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
มณฑลกวางสี ลักษณะพื้นที่เป็นที่ราบแอ่งกระทะ และเทือกเขาขนาดเล็กที่ยาวคดเคี้ยวติดต่อกัน ได้แก่ ภูเขาต้าหมิงซันและต้าเหยาซัน นอกจากนี้ยังเป็นเขตคาร์สต์หินปูนขาวที่ครอบคลุมพื้นที่ครึ่งหนึ่งของมณฑ จึงมีถ้ำหินปูนอยู่มากมาย สภาพอากาศเป็นแบบเขตร้อน โดยทางเหนือเป็นเขตร้อนแถบเอเชียกลาง ทางใต้เป็นเขตร้อนแถบเอเชียใต้ มีแม่น้ำหลีเจียง Lijiang River มีต้นน้ำมาจากเขา มาวเอ๋อ ในเขตอำเภอซิงอ่านเมืองไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลกวางสี ไหลลดเลี้ยวหลบหลีกขุนเขา ผ่านเมืองกุ้ยหลินถึงอำเภอหยางซั่วรวมความยาว 431 กิโลเมตร โดยมีชื่อใหม่ ช่วงต่อจากนั้นว่า กุ้ยเจียง ไหลเข้าสู่ชายแดนที่อำเภออู๋โจวเข้าสู่ทิศตะวันตก ของมณฑลกวางตุ้งที่เมืองเฟิงคาย มีชื่อใหม่ในกวางตุ้งว่า แม่น้ำตะวันตกหรือซีเจียง แม่น้ำสายได้ไหลกัดเซาะพื้นที่หินปูนระหว่างกุ้ยหลินถึงหยางซั่ว หลายล้านปีจนก่อเกิดเป็นเขตภูมิทัศน์ที่งดงามและมหัศจรรย์ที่สุดแห่งหนึ่งบนแผ่นดีนจีน จนมีคำกว่าวว่า “ หากกุ้ยหลินเป็นเมืองที่สวยที่สุดในจีน หยางซั่วก็เป็นที่ที่สวยที่สุดในกุ้ยหลิน ” ไฮไลท์ของเส้นทางนี้อยู่ที่ การนั่งเรือท่องแม่น้ำหลีเจียง เส้นทางเรือจากกุ้ยหลินถึงเมือง หย่างซั่ว เป็นระยะทางประมาณ 40 ไมล์ ( 60 กิโลเมตร ) ตลอดทางคดเคี้ยวของแม่น้ำหลี่ คือ ภูเขาน้อยใหญ่ที่มีรูปร่างแปลกตา กระตุ้นจินตนาการของผู้คนดังเห็นได้จากชื่อ เขางวงช้าง เขาตาเฒ่า เขาเจดีย์ และเขารู ภาพชาวประมง นกกาน้ำ และเพื่อนร่วมงานในแพไม้ไผ่แคบๆ
ภูมิประเทศอีกแห่งที่แสดงให้เห็นถึงลักษณะภูมิประเทศแบบหินปูนร่วมกันระหว่างจีนตอนใต้ และเวียดนามเหนือ ได้แก่ เขตภูเขาหินปูนแบบคาร์สต์บริเวณรอยต่อระหว่างอำเภอต้าซิ่น Daxin County มณฑลกวางสีกับเขตจังหวัดเกาบั่นของเวียดนาม ซึ่งเป็นที่ตั้งของ น้ำตกเต๋อเทียน Detian Waterfall (น้ำตกบั่นโก๊ด Bản Giốcในภาษาเวียดนาม) เป็นน้ำตกที่ตั้งอยู่กลางพรมแดนระหว่างจีนกับเวียดนามในเขตปกครองตนเองชนชาติจ้วงกวางสี ของประเทศจีน กับ จังหวัดเกาบั่น Cao Bằng Province ของเวียดนาม เป็นน้ำตกที่กั้นชายแดนที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของโลก รองจากน้ำตกอีกัวซู น้ำตกวิคตอเรีย และ น้ำตกไนแองการ่า เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ลำดับต้นๆของเอเชีย ตัวน้ำตกมีความกว้าง 120 เมตร สูงประมาณ 70 เมตร ที่อยู่ในจีนมี 3 ชั้นมีขนาดใหญ่กว่าฝั่งเวียดนามที่เป็นลักษณะน้ำตกชั้นเดียว และเป็นน้ำตกธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีต้นน้ำจากแม่น้ำกุ้ยชัน Guichun River อยู่ที่ อำเภอชิงสี ในมณฑลกวางสี ของประเทศจีน หลังจากนั้นก็ไหลวกเข้าไปในประเทศเวียดนาม ก่อนจะไหลกลับเข้ามาในประเทศจีนที่หมู่บ้านเต๋อเทียนอีกครั้งหนึ่ง น้ำตกเต๋อเทียน เป็นน้ำตกที่มีความสูงต่ำลดหลั่นลงมาเป็นสามชั้น เป็นภาพที่แลงามอลังการ ความใหญ่โตของน้ำตกชวนตื่นตาตื่นใจ แม้จะอยู่ในสถานที่ไกลออกไป ก็ยังสามารถได้ยินเสียงโครมครึกกึกก้องของน้ำไหลอย่างชัดเจน นอกจากความงามของน้ำตกแล้ว ยังสามารถเที่ยวชมความงามของทุ่งนาแบบขั้นบันได ซึ่งเป็นวิวจากทางฝั่งของเวียดนาม ที่มีความสวยงามไม่แพ้ของจีน
แหล่งภูมิทัศน์จ่างอาน Tràng An Scenic Landscape Complex เป็นตัวอย่างหนึ่งอันโดดเด่นของภูมิประเทศแบบคาร์สต์ ใน จังหวัดนิญบิ่ญ Ninh Binh บริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแดง ประเทศเวียดนาม เป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งท่องเที่ยวที่มีความพิเศษทางธรรมชาติ ที่เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำในอาณาเขตอันกว้างใหญ่ไพศาล มีแม่น้ำหลายสายไหลลัดเลาะ บางส่วนจมอยู่ใต้น้ำและและมีขุนเขาหินปูนน้อยใหญ่รายล้อม จึงทำให้สถานที่แห่งนี้งดงามน่าชม มีทัศนียภาพเหมือนกุ้ยหลิน ที่มณฑลกวางสี ประเทศจีน และยังเหมือนอ่าวฮาลอง จนพื้นที่นั้นถูกเรียกว่า “ อ่าวฮาลองบนแผ่นดิน” หรือ “ฮาลองบก” อีกทั้งยังมีการพบร่องรอยทางโบราณคดี ว่ามีการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์มานานกว่า 30,000 ปี
ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเวียดนามติดชายแดนกวางสี เป็นที่ตั้งของอ่าวตังเกี๋ย และ อ่าวฮาลอง Halong Bay ที่มีลักษณะภูมิประเทศแบบคาร์สต์ ที่เต็มไปด้วยเกาะแก่งน้อยใหญ่ที่เกิดจากสภาพของหินปูน หรือหินชนิดอื่นที่มีน้ำจากบนดินหรือใต้ดินทำปฏิกิริยากับแคลเชี่ยมคาร์บอเนตได้กรดอ่อนมีคุณสมบัติกัดกร่อนเนื้อหิน ปรากฏารณ์ดังกล่าวรวมถึงการเลื่อนตัวของเปลือกโลก ระดับลดลงหรือเพิ่มน้ำทะเลในแต่ละยุคตามเวลาทางธรณีวิทยา ส่วนใหญ่เกิดในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง ฝนตกมาก ทำให้มีภูเขาหินปูนรูปทรงต่างๆ กัน อาจเกิดเป็นถ้ำ หรือหลุมยุบ
ในอ่าวฮาลองมีเกาะทั้งหมด 1,969 เกาะ โผล่พ้นขึ้นมาจากผิวทะเล บนยอดของแต่ละเกาะมีต้นไม้ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น ทั้งที่ได้รับการขนานนามมีชื่อและยังไม่มีชื่อ ไม่ว่ามองไปทิศใด สามารถเห็นเขารูปร่างต่าง ๆ สวยงาม ในมุม 360 องศา เป็นภาพที่น่าประทับใจ ขณะล่องเรือในอ่าวฮาลอง คล้ายกับกับชายทะเลฝังตะวันตกภาคใต้ของประเทศไทย ได้แก่เขาหินปูนใน อ่าวพังงา ภูเก็ต กระบึ่ เช่น เขาตะปู (เจมส์บอนด์) เกาะพีพีดอน พีพีเล เกาะมาหยา เขาหินปูนที่อ่าวลึก จ. กระบี่ ไปจนหมู่เกาะตะรุเตา เกาะหินงาม เกาะไข่ หลีเป๊ะ ในสตูล ที่อ่าวฮาลองนอกจากจะมีภูเขารูปทรงสวยๆแล้วก็ยังมีถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในบริเวณอ่าวคือ ถ้ำเสาไม้ ชื่อเดิมว่า “กร็อตเดแมร์แวย์” Grottedes Merveilles ซึ่งตั้งชื่อโดยนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสที่มาเยี่ยมชมอ่าวเมื่อปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ภายในถ้ำประกอบไปด้วยโพรงกว้าง 3 โพรง มีหินงอกและหินย้อยขนาดใหญ่อยู่จำนวนมาก ชวนให้จินตนาการไปต่างๆ นานา ระบบนิเวศและสิ่งมีชีวิตในอ่าวฮาลอง แต่ละเกาะมีสิ่งมีชีวิตที่รอคอยการค้นพบและที่มีรายงานพบสปีชีส์ใหม่ๆ และบางชนิดจัดเป็นกลุ่มหายาก (rare)
คนจีนทางใต้ และเวียดนาม มีวัฒนธรรมการรับประทานข้าวเป็นอาหารหลักมานานหลายพันปี แม้แต่เส้นหมี่หรือก๋วยเตี๋ยวก็ทำจากแป้งข้าวจ้าว ต่างกับคนจีนทางเหนือที่ทานหมั่นโถว และบะหมี่ที่ทำจากข้าวสาลี ภูมิภาคนี้มีลักาณะภูมิอากาศเหมาะสมต่อการปลูกข้าว แต่ข้าวเป็นพืชที่ต้องการน้ำเป็นจำนวนมาก เนื่องด้วยพื้นที่รอยต่อ 3 มณฑลของจีนใต้ ไปจนถึงเวียดนามเหนือ มีลักษณะเป็นเทือกเขาสูงสลับซับซ้อน ขาดแคลนที่ราบผืนใหญ่ๆ แต่มีฝนตกชุก คนม้องถิ่นแถวนี้จึงพัฒนา การทำนาแบบขั้นบันได Rice Terrace โดยการสกัดไหล่เขาให้เป็นชั้น ๆ ลดหลั่นลงมาเป็นขั้นบันได เพื่อช่วยเพิ่มเนื้อที่ในการเพาะปลูก กักเก็บน้ำฝนไม่ให้ไหลทิ้งไป และเป็นการรักษาหน้าดินไม่ให้ถูกชะล้างไป อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาเรื่องน้ำทั้งในแง่การชลประทานโดยการเก็บกักน้ำฝน และยังช่วยป้องกันน้ำท่วมอีกด้วย วัฒนธรรมการทำนาขั้นบันได แพร่กระจายไปทั่วทั้งภูมิภาค ก่อเกิดนาขั้นบันไดขนาดใหญ่หลายแห่งที่งดงาม และสะท้อนให้เห็นถีงความอุตสาหะในการปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติ และวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของมนุษยชาติ หลายแห่งได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลก อาทิเช่น ทุ่งนาขั้นบันไดฮาหนี Hani Rice Terraces ขนาด 13,190 เฮกเตอร์ ตั้งอยู่ในหุบเขาลึกเขตหงเหอ เมืองหยวนหยาง มณฑลอวิ๋นหนันทางภาคตะวันตกกเฉียงใต้ของจีน มีทัศนียภาพทางธรรมชาติที่สวยงาม ซ่อนเร้นกลิ่นอายวัฒนธรรมการดำรงชีวิตของชาวจีนพื้นถิ่น ที่ทำการเพาะปลูกแบบขั้นไดตามลักษณะของภูมิประเทศ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติลำดับที่ 31 ประจำปี พ.ศ.2556 เนื่องด้วยความสวยงามของภูมิทัศน์โดยรอบ และสะท้อนวัฒนธรรมวิถีชีวิตของเกษตรกรจีน
ส่วนในมณฑลกวางสีก็มี ทุ่งนาขั้นบันไดหลงจี่ Longji Rice Terrace ตั้งอยู่ในอำเภอปกครองตนเองชนชาติส่วนน้อยหลงเซิ่งทางภาคเหนือของกวางสี อยู่ห่างจากเมืองกุ้ยหลินที่มีชื่อ เสียงด้านการท่องเที่ยวเพียง100 กิโลเมตรเท่านั้น นาขั้นบันไดในเขตหลงเซิ่งมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร มีเนื้อที่ 66 ตารางกิโลเมตร จึงได้ชื่อว่า นาบันไดพันขั้น ผืนนาลดหลั่นกันตามความลาดชันคดเคี้ยวจากริมแม่น้ำขึ้นไปบนยอดภูเขา โดยจุดที่สูงที่สุดนั้นอยู่ที่ระดับ 880 เมตรและส่วนที่ต่ำที่สุดคือ 380 เมตร นาขั้นบันไดเหล่านี้เริ่มสร้างในราชวงค์หยวนและเสร็จสิ้นลงในสมัยราชวงค์ชิง ผ่านราชวงค์หยวน หมิง ชิงมาสามยุคสมัย
ซาปา Sa Pa ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเวียดนาม ในเขตจังหวัดลาวไค ใกล้กับชายแดนยูนนาน ภูมิประเทศตั้งอยู่บนระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,650 เมตร จึงมีอากาศหนาวเย็นตลอดปี ทำให้เพาะปลูกผักผลไม้ได้ดี มี ตลาดบั๊กห่า ที่ขึ้นชื่อของเวียดนามเหนือ เป็นศูนย์รวมของกินของใช้ของชาวเมืองภูมิภาคนี้ ปัจจุบันซาปามีประชากรอาศัยอยู่ราว 37,000 คน นับเป็นดินแดนแห่งดอย ที่มีความหลากหลายของชาติพันธุ์มากที่สุดในประเทศเวียดนาม เป็นเมืองรีสอร์ทพักร้อนสมัยอาณานิคมของฝรั่งเศสบนภูเขาขึ้นในปี พ.ศ.2465 พื้นที่ ซาปา เต็มไปด้วยนาขั้นบันไดที่มากมายท่ามกลางลาดไหล่เขาที่ทอดตัวอย่างมีเสน่ห์ หรือถ้าชอบเดินป่าก็มียอดเขา ฟานสีปัน ให้พิชิตบนความสูง 3,143 เมตร จากระดับน้ำทะเล ซึ่งสูงสุดในละแวกอินโดจีน ทุ่งนาขั้นบันไดที่ถือเป็นไฮไลท์ทางการท่องเที่ยวของซาปานั้นมี 2 จุดหลักด้วยกัน จุดแรกคือที่บ้าน“ต่าวัน”(Tavan Village) หรือที่คนไทยนิยมเรียกกันว่า“บ้านทาวัน” มีจุดชมวิวท้องทุ่งนาขั้นบันไดอันกว้างใหญ่ และ กันอีกหนึ่งแห่งคือที่ “บ้านก๊าต ก๊าต” หรือที่คนไทยนิยมเรียกกันว่า “บ้านกั๊ต กั๊ต” หรือที่มีบางคนในกรุ๊ปเราเรียกกันว่าหมู่“บ้านแมวเหมียว” เพราะหมู่บ้านนี้มีชื่อสะกดในภาษาอังกฤษอย่างเก๋ไก๋ว่า “Cat Cat Village” บ้านก๊าต ก๊าต เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ของชาวม้งที่อพยพจากประเทศจีนมาตั้งรกรากที่นี่เมื่อ 300 กว่าปีก่อนมาจนถึงปัจจุบัน บ้านมีไฮไลท์อยู่ที่จุดชมทุ่งนาขั้นบันได ที่เห็นปลูกกันเป็นเชิงชั้นไล่ระดับไปตามภูมิประเทศ โดยมีฉากหลังเป็นม่านแห่งขุนเขาตั้งตระหง่าน
Planet Blue นำท่านเยือนสุดยอดธรรมชาติงดงาม จากเวียดนามเหนือ สู่ สามมณฑลทางใต้ของจีน เยือนแหล่งภูมิทัศน์จ่างอัน หรืออ ฮาลองบก ในจังหวัดนิญบิ่ญ ชมทุ่งนาขั้นบันไดบนรีสอร์ทตากอากาศของชาวฝรั่งเศสในอดีตที่ ซาปา เยือนเมืองแถงแห่งอาณาจักรสิบสองจุไท หรือ เดียนเบียนฟู ชมวิถีชิวิตของชาวไทดำ และล่องเรือชมหมู่เกาะงดงามแห่งอ่าวฮาลอง มรดกโลก ชมนาขั้นบันไดสันหลังมังกร ล่องเรือชมโตรกงามแห่งกุ้ยหลินและหยางซั่ว หุบโตรกธงหลิง และน้ำตกนานาชาติเต๋อเทียนที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของโลกที่กั้นพรมแดนเวียดนามและกวางสี มหาน้ำตกหวงเกาซู่ที่ใหญ่ที่สุดในจีน ชมทิวทัศน์มหัศจรรย์หุบเขาน้ำตกร้อยสาย น้ำตกเก้ามังกร ชมทุ่งดอกเรฟซีดหรือดอกคาโนล่าบานเหลืองอร่ามทั่วหุบเขาโหลวผิง และชมเจี้ยนสุ่ย นาขั้นบันไดที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่หยวนหยาง ยูนนาน

Close