ทะเลสาบน้ำแข็งไบคาล ไซบีเรียฤดูหนาว

ยังไม่ทันจะเริ่มเดือนมีนาคม ลมหนาวก็โบกมือลาประเทศไทยไปเสียแล้ว สำหรับคนที่ยังอาวรณ์ความหนาว อยากจะหยิบเสื้อโค้ตในตู้มาใส่สวย ๆ อีกครั้ง คงต้องรอเดือนธันวาคมวนมาอีกรอบ แต่สำหรับคนที่รอไม่ไหว และเริ่มวางแผนเก็บกระเป๋าตามหาเมืองหนาวแล้ว ทะเลสาบไบคาล ไข่มุกแห่งไซบีเรียก็เป็นทางเลือกน่าสนใจสุด ๆ เพราะนอกจากภาพภูเขาหิมะขาวโพลนตระการตากลางทะเลสาบน้ำแข็งแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมมากมายในบริเวณทะเลสาบอีกด้วย

Baikal Lake

ทะเลสาบไบคาล (Baikal Lake) เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเขตไซบีเรีย (Siberia) มีอายุถึง 25-30 ล้านปี นั่นทำให้ทะเลสาบแห่งนี้เป็นแหล่งที่อุดมสมบูรณ์และเป็นที่อยู่ของสัตว์น้ำจืดที่แปลกที่สุดในโลก จนถูกเรียกขานกันในฉายา “กาลาปากอสแห่งรัสเซีย” โดยฤดูหนาวของที่นี่ถือเป็นช่วงไฮไลต์ เนื่องจากทางตอนเหนือของทะเลสาบจะกลายเป็นน้ำแข็งและมีหิมะสีขาวปกคลุมไปทั่ว ทำให้สามารถทำกิจกรรมบนพื้นน้ำแข็ง และหากโชคดี ระหว่างทางอาจได้เจอก้อนน้ำแข็งสีฟ้าเทอร์ควอยซ์สดใส สวยงามแปลกตา ว่าแล้วเรามาเริ่มต้นออกเดินทางสู่ทะเลสาบไบคาลกันเถอะ

Ulan Ude

ถ้าหากจะเที่ยวรอบทะเลสาบไบคาล ต้องไม่พลาดนั่งรถไฟสายทรานส์ไซบีเรีย (Trans-Siberian Railway) เพื่อชมความงามของทะเลสาบและป่าสนไทกาข้างทาง โดยเริ่มต้นการเดินทางที่ เมืองอูลาน อูเด (Ulan Ude) เมืองหลวงของสาธารณรัฐบูรยาเตีย (Buryatia) ก่อตั้งในปีค.ศ. 1666 เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางของรัสเซีย มองโกเลีย และจีน

โดยภายในเมืองมีจุดท่องเที่ยวมากมาย อย่าง Giant Lenin Head รูปหล่อศีรษะที่ใหญ่ที่สุดในโลกของเลนิน ผู้ร่วมก่อตั้งคณะปฏิวัติบอลเชวิกล้มล้างระบอบกษัตริย์ในประเทศรัสเซีย และยังมี พิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์อูลาน (The Ethnographic Museum) อูเดที่ภายในจัดแสดงเกี่ยวกับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตประจำวันของคนพื้นถิ่นแถบนี้ ทั้งชาวบูร์ยัต ชาวเอเฝนก์ และชาวรัสเซีย

อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในอูลานอูเดที่จะต้องแวะไปชมให้ได้คือ วัดไอโวลกินสกี้ ดัตซัน (Ivolginsky Datsan Buddhist Monastery) วัดพุทธนิกายมหายานแบบลามะที่ตั้งขึ้นในยุคสหภาพโซเวียตรัสเซีย และเคยเป็นที่พำนักของลามะปันดิโด คัมโบ (Pandido Khambo Lama) ผู้นำทางศาสนา ตัวอาคารของวัดก่อสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบผสมผสานระหว่างทิเบตและบูร์ยัต หนึ่งไฮไลต์สำคัญคือคัมภีร์โบราณที่เขียนด้วยภาษาทิเบตบนผืนผ้าไหมธรรมชาติ และต้นโพธิ์ศักดิ์สิทธิ์ในเรือนกระจก ซึ่งจัดแสดงอยู่ในวัด

จากเมืองอูลานอูเด มุ่งหน้าต่อไปยังหมู่บ้านลิสเวียนก้า โดยสารเรือ Hovercraft หรือที่รู้จักกันก็คือ เรือบก ซึ่งสามารถเดินทางได้ทั้งในน้ำ โคลน หรือน้ำแข็ง และพื้นผิวอื่น ๆ ทำให้สามารถชมวิวเลียบทะเลสาบไปได้แม้ในยามที่มีน้ำแข็ง เจ๋งสุดๆไปเลย

ระหว่างทางมีกิจกรรมให้แวะทำ เป็นการดูการตกปลาหลุมน้ำแข็ง (Ice Fishing) เป็นวิธีการที่นิยมใช้ตกปลาโอมูล (แซลมอน) โดยชาวประมงจะใช้สว่านเจาะน้ำแข็งให้เป็นรูแล้วหย่อนเบ็ดลงไป และยังมีกิจกรรมยอดฮิตสำหรับนักท่องเที่ยวและหนุ่มสาวในเมืองนั่นก็คือ ไอซ์สเก็ตบนพื้นน้ำแข็งนั่นเอง

Listvyanka Village

หมู่บ้านลิสเวียนกา (Listvyanka Village) ที่ตั้งอยู่ในหุบเขาริมทะเลสาบไบคาล ก่อตั้งในปีค.ศ. 1701 และกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเนื่องจากเป็นทางผ่านของรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียและมีทิวทัศน์น่ารัก ๆ ของบ้านหลากสีมากมาย โดยมีฉากหลังเป็นภูเขาลูกใหญ่ บรรยากาศสบาย ๆ และอากาศบริสุทธิ์สดชื่นของชนบท นอกจากนี้ในหมู่บ้านยังมี ฟาร์มไซบีเรียน เซมก้า (Siberian Zaimka Farm) ฟาร์มสุนัขไซบีเรียนที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าสนริมแม่น้ำอังการา ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสความน่ารักแสนรู้ของสุนัขลากเลื่อนพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้อีกด้วย

เดินออกจากเมืองไปทางริมทะเลสาบก็จะพบ พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมและชาติพันธุ์ทอล์ทซี่ (Taltsy Museum of Architecture and Ethnography) พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งซึ่งนำบ้าน โบสถ์ และฟาร์มของชนเผ่าที่อาศัยอยู่รอบทะเลสาบสมัยก่อนมาจัดแสดง เดินเที่ยวมาทั้งวันแล้วท้องก็เริ่มประท้วง ต้องแวะหาของกินที่ตลาดขายปลาและที่ขายของที่ระลึกซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณริมทะเลสาบ หากมาที่นี่ต้องลิ้มลองปลาโอมูล (แซลมอน) ย่างสด ๆ ที่จับมาจากทะเลสาบไบคาล

เดินทางต่อไปที่สุดท้ายในหมู่บ้าน โบสถ์เซนต์นิโคลัส (St. Nicholas Church) โบสถ์คริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ซึ่งสร้างขึ้นราวศตวรรษที่ 19 ด้วยเงินบริจาคของพ่อค้าชาวรัสเซีย ผู้ประสบเหตุเรือแตกขณะที่ล่องเรือข้ามฝั่งจากอูลานอูเดแล้วรอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์ เขาเชื่อว่าเป็นเพราะปาฏิหาริย์ของเซนต์นิโคลัส นักบุญผู้คุ้มครองการเดินทางในศาสนาคริสต์ ทำให้มักมีคนมาอธิษฐานขอพรที่โบสถ์นี้อยู่เสมอ

Ust-Orda

โอช-ออร์ด้า (Ust-Orda) เมืองของชาวบูร์ยัต ชนพื้นเมืองซึ่งอาศัยอยู่บริเวณนี้มามากกว่าพันปี โดยที่นี่มีการแสดงการเรียกวิญญาณให้นักท่องเที่ยวได้รับชม ซึ่งเป็นการทำพิธีเพื่อแสดงความเคารพบรรพบุรุษของชาวบูร์ยัต และยังมีวัดพุทธบูรยัตประจำชุมชนโอช-ออร์ด้า ให้ได้แวะนมัสการเสริมความมงคลอีกด้วย

Olkhon Island

เริ่มขับรถเข้าทะเลสาบโดยมีจุดหมายปลายทางที่ เกาะโอลค์ฮอน (Olkhon Island) เกาะที่ใหญ่ที่สุดในทะเลสาบไบคาล โดยเกาะนี้มีความพิเศษคือเป็นถิ่นอาศัยของชนเผ่าที่เก่าแก่ตั้งแต่สมัยเจงกีสข่าน และยังมีพื้นที่ป่าสนไทก้าอันสวยงามเป็นเอกลักษณ์

Khoboy Cape

ออกเดินทางสู่ทิศเหนือของเกาะ ผ่านทะเลสาบเยือกแข็งสีฟ้าครามเลียบชายฝั่งไปที่ แหลมโคบอย (Khoboy Cape) ที่มีลักษณะเป็นแนวหินปลายยื่นยาวไปสู่ทะเลสาบ เป็นจุดท่องเที่ยวยอดฮิตด้วยรูปร่างของแหลมคล้ายนอแรด เมื่อไปยืนบนยอด จะสามารถเห็นวิวของทะเลสาบไบคาลแบบพาโนรามา พื้นน้ำแข็งสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ใส แตกร้าวเป็นรอยยาวสีขาวจนหาจุดจบไม่เจอ สะท้อนกับแสงแดดวิบวับเป็นประกาย

Burkhan Cape & Shaman Rock

ออกเดินทางต่อลงมาทางตะวันตกของเกาะไปยัง แหลมบูรข่าน (Burkhan Cape) ซึ่งเป็นที่ตั้งของ โขดหินชามาน (Shaman Rock) อีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่ห้ามพลาดของทะเลสาบไบคาล เนื่องจากโขดหินชามานเป็น 1 ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดจาก 9 แห่งในเอเชีย โดยมีความเชื่อว่าเทพเทกรีอิ (Tengrii) เทพเจ้าซึ่งเข้มแข็งที่สุดตามความเชื่อของชนพื้นเมืองที่นี่ ได้เลือกบริเวณนี้ให้เป็นวัง โดยยังมีสถานประกอบพิธีกรรมของหมอผีตามความเชื่อของชาวไบคาลอยู่ด้วย

Kobylya Golova Cape

ลงใต้ไปอีกเพื่อชมความงามของหน้าผาและท้องน้ำทะเลสาบที่ แหลมโคไบเลีย โกโลว่า (Kobylya Golova Cape) หรือที่มีฉายาว่าแหลมหัวม้า เนื่องจากมีลักษณะคล้ายหัวม้ากำลังก้มดื่มน้ำ และยังมีตำนานเล่าอีกว่านักรบหลังม้าของเจงกีสข่านเคยเดินทางมาถึงที่นี่

Ogoy Island

ข้ามเกาะโอลค์ฮอนมายัง เกาะโอกอย (Ogoy Island) เกาะเล็ก ๆ ซึ่งตั้งอยู่ข้าง ๆ กัน ที่นี่มีโขดหินปลายแหลมพุ่งสูงขึ้นไปบนฟ้า รูปร่างแปลกตา ให้นักท่องเที่ยวได้แชะภาพสวย ๆ เอาไปลงโซเชียลได้เลย

ถ่ายรูปเสร็จก็แวะนมัสการ สถูปพุทธศิลปะแบบทิเบตสีขาว (White Buddhist Stupa) เสริมความสิริมงคลให้การเดินทางกลับเป็นไปอย่างราบรื่น โดยสถูปที่นี่สร้างเพื่ออุทิศให้เทพองค์สำคัญของศาสนาพุทธแบบทิเบตอย่างเทวีฑากิณี (Dakini) ซึ่งเป็นสถูปที่ชาวพุทธจากทั่วโลกเดินทางมานมัสการ

Irkutsk

ก่อนจะขึ้นเครื่องบินกลับไทย เราแวะที่ เอียร์คุสต์ (Irkutsk) เมืองที่อดีตเป็นแหล่งซื้อขายทองคำและขนสัตว์จากชาวบูร์ยัตและเป็นศูนย์กลางการปกครองของไซบีเรียตะวันออก นอกจากนี้บ้านเรือนในเมืองยังคงสถาปัตยกรรมแบบไซบีเรียดั้งเดิม เมื่อเดินชมย่านเมืองเก่า จะได้เห็นบ้านไม้ที่ตกแต่งขอบประตูและหน้าต่างด้วยไม้แกะสลัก เป็นหนึ่งในเมืองที่ทรงคุณค่าด้านการอนุรักษ์มรดกทางศิลปวัฒนธรรมของไซบีเรีย จนได้รับฉายาว่า “ปารีสแห่งไซบีเรีย”

จุดแวะสำคัญอีกแห่งคือ โบสถ์สปาสสกาย่า (Church of Spasskaya) ให้นักท่องเที่ยวได้แวะสักการะและชื่นชมความงามของโครงสร้างอาคารหินเก่าแก่ที่สุดที่หลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน และหอระฆังสูง 42 เมตร

เดินเข้าไปในเมืองอีกหน่อย ริมแม่น้ำอังการามี อารามซนาเมนสกี้ คอนเวนต์ (Znamensky Convent) อารามนักบวชหญิงขนาดใหญ่ที่สุดในไซบีเรีย ชมสถาปัตยกรรมแบบไซบีเรียนที่มีอายุกว่า 300 ปี และที่นี่ยังเป็นที่เก็บพระวรสารซึ่งมอบให้แก่พระอารามโดยจักรพรรดิแห่งรัสเซีย

แล้วเดินเลียบฝั่งแม่น้ำไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่งได้ เช่น พิพิธภัณฑ์เรือตัดน้ำแข็งอังการ่า (Museum-Icebreaker Angara) เรือตัดน้ำแข็งที่เก่าที่สุดในโลก อนุสาวรีย์จักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 3 (Statue of Tsar Alexander III) ฯลฯ

จากนั้นไปแวะชมความสวยงามของ มหาวิหารพระแม่แห่งคาซาน (Our Lady of Kazan Cathedral) มหาวิหารเก่าแก่ซึ่งเกิดขึ้นจากการบริจาคของคนท้องถิ่น ทั้งชาวบ้าน กบฏ นักการเมือง แม้แต่โจรผู้กลับใจที่ถูกเนรเทศมายังเอียร์คุสต์ ตัวโบสถ์มีสถาปัตยกรรมแบบไบแซนไทน์ ภายในประดับบัลลังก์ด้วยหินอ่อนสีแดง งดงามอย่างยิ่ง

อีกย่านน่าเดินใจกลางเมือง จัตุรัสคีลอฟ (Kirov Square) จัตุรัสใจกลางเมือง ที่เคยเป็นศูนย์กลางการค้าสำคัญของภูมิภาค ปัจจุบันเป็นแหล่งหย่อนใจของชาวเมืองที่มีทั้งสวน น้ำพุ และตึกรามสวยๆ ให้ชม

ปิดท้ายการเดินทางด้วย พิพิธภัณฑ์บ้านกบฏเดือนธันวาคม (Decemberists House Museum) ถูกดัดแปลงจากบ้านของครอบครัวกลุ่มผู้ก่อกบฏที่ลุกฮือต่อต้านการขึ้นครองราชย์โดยมิชอบของจักรพรรดินิโคลัสที่ 1 ซึ่งกลุ่มกบฏถูกเนรเทศจากนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กมายังเอียร์คุสต์ นอกจากชมพิพิธภัณฑ์แล้วยังมีคอนเสิร์ตเพลงคลาสสิกแสนไพเราะให้ฟังเพลิน ๆ ปิดทริปการเดินทางที่สร้างความประทับใจอย่างเหลือล้น

สนใจท่องเที่ยวในเส้นทางทะเลสาบไบคาล
โทร. 098 885 8842 / 098 865 2094

Close