Trail of Maya – Meso America Adventure มนต์เสน่ห์มายาและอเมริกากลาง PART 2

หลังจากสัมผัสความมหัศจรรย์และเสน่ห์ของอารยธรรมมายาอันยิ่งใหญ่ในเม็กซิโกจนเต็มอิ่ม เราขอพาคุณเดินทางเข้าสู่ 5 ประเทศแห่งอเมริกากลางที่อุดมด้วยธรรมชาติอันสวยงาม และเต็มไปด้วยร่องรอยชนเผ่ามายาโบราณที่น่าสนใจไม่แพ้ที่เม็กซิโก จนกล่าวได้ว่าทั้ง 5 ประเทศ คือจุดหมายปลายทางในฝันหากต้องการรู้จักอเมริกากลางมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม และรับรองว่าคุณจะหลงมนต์เสน่ห์มายาโบราณจนต้องกลับมาที่เหล่านี้อีกครั้ง

ประเทศเบลีซ (Belize)

ประเทศเบลีซ ประเทศเล็ก ๆ ตั้งอยู่ติดประเทศเม็กซิโกและกัวเตมาลา และห่างจากประเทศฮอนดูรัสราว 75 กิโลเมตร มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจทั้งหมู่เกาะจำนวนมาก และโบราณสถานมายา เป็นประเทศที่เที่ยวง่าย เพราะใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ เนื่องจากเคยตกเป็นอาณานิคมของสหราชอาณาจักรตั้งแต่ปีค.ศ. 1840 โดยชื่อ “เบลีซ” มีที่มาจากแม่น้ำเบลีซ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 แม่น้ำสายหลักของประเทศ

เขตอนุรักษ์โบราณคดีลามาไนย (Lamanai Archaeological Reserve) “ลามาไนย” ภาษามายา แปลว่าจระเข้จมน้ำ ตั้งอยู่บริเวณย่านออเรนจ์ วอล์ค (Orange Walk) ในอดีตเคยเป็นเมืองหลักของอารยธรรมมายาซึ่งก่อตั้งราว 1600 ปีก่อนคริสต์ศักราช มีสิ่งน่าสนใจคือพีระมิดอันยิ่งใหญ่ทั้ง 3 คือ Jaguar Temple ที่มีส่วนสำคัญบางส่วนถูกฝังอยู่ใต้พื้นดิน ตกแต่งด้วยรูปแกะสลักเสือจากัวร์ Mask Temple นับเป็นพีระมิดที่เล็กที่สุดในบรรดาพีระมิดทั้ง 3 คาดว่าเริ่มสร้างตั้งแต่ 200 ปีก่อนคริสต์ศักราช มีจุดเด่น คือรูปแกะสลักหน้ากากมนุษย์สไตล์โอลเม็ก ภายในมีสุสานเก็บซากมนุษย์พร้อมเครื่องประดับต่าง ๆ และ High Temple ซึ่งเป็นพีระมิดที่สูงที่สุดในเขตอนุรักษ์แห่งนี้ มีความสูงกว่า 33 เมตรซึ่งเป็นจุดชมวิวยอดนิยมของนักทุกเที่ยว เพราะจะเห็นทิวทัศน์รอบ ๆ จนถึง New River Lagoon ซึ่งเป็นแม่น้ำบริเวณตอนเหนือของประเทศ

หลุมน้ำเงินครามแห่งเบลีซ (The Great Blue Hole) หลุมที่ว่ากันว่าเป็นหลุมกลางทะเลที่มีขนาดใหญ่ที่สุด อยู่ห่างจากเมืองเบลีซ ซิตี้ (Belize City) ประมาณ 70 กิโลเมตร มีเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 300 เมตร และมีความลึก 124 เมตร โดยยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าหลุมนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร

แต่สันนิษฐานว่าก่อตัวขึ้นในยุคน้ำแข็ง จนกระทั่งน้ำทะเลสูงจนท่วมถ้ำ และถูกกัดเซาะจนเป็นหลุมในที่สุด ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของเบลีซแบร์ริเออร์รีฟ (Belize Barrier Reef) ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวปะการังอันสวยงามที่ยาวถึง 300 กิโลเมตร กล่าวได้ว่าที่นี่เป็นสวรรค์ของนักดำน้ำที่ต้องมาเยือนให้ได้สักครั้งในชีวิต ทว่าต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก เพราะมีความกดอากาศสูงจนอันตรายต่อร่างกาย

ประเทศกัวเตมาลา (Guatemala)

ประเทศกัวเตมาลา  มีชื่อทางการว่า สาธารณรัฐกัวเตมาลา ตั้งอยู่ในภูมิภาคอเมริกากลาง ทิศตะวันตกติดกับเม็กซิโก ทิศตะวันออกเฉียงเหนือติดกับเบลีซ และทะเลแคริบเบียน ทิศตะวันออกติดกับฮอนดูรัส และทิศตะวันออกเฉียงใต้ติดกับเอลซัลวาดอร์ กัวเตมาลาเหมาะสำหรับการศึกษาเกี่ยวกับอารยธรรมมายา เพราะเคยเป็นศูนย์กลางของอารยธรรมมายา ถึงขนาดที่บนธนบัตรของประเทศมีตัวเลขมายากำกับอยู่ นอกจากนี้ยังมีวัฒนธรรมอันเกิดจากการผสมผสานของชาวสเปนและชนพื้นเมือง ที่นี่มีทิวทัศน์และธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และสวยงาม มีภูมิอากาศร้อนชื้นในบริเวณที่ราบต่ำ และมีอากาศหนาวเย็นในที่ราบสูง

เมืองฟลอเรส (Flores)  เป็นเมืองขนาดเล็กที่มีวิวทิวทัศน์สวยงามซึ่งมีกิจกรรมมากมายให้เลือกสรร แต่ไฮไลท์หลักที่เมื่อมาฟลอเรสแล้วไม่ควรพลาด คือ แหล่งโบราณสถานยักฮ่า (Yaxha Ruins) เป็นโบราณสถานมายาที่ตั้งอยู่ในป่าลึก โดย “ยักฮ่า” มีความหมายว่า น้ำสีฟ้าเขียวมรกต ที่นี่เป็นแหล่งโบราณคดีใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ อยู่ติดกับทะเลสาบยักฮ่า (Laguna Yaxha) เมืองเก่าแห่งนี้คาดว่าถูกสร้างขึ้นช่วง 1000 – 350 ปีก่อนคริสตกาล และเจริญสูงสุดในช่วงต้นยุคคลาสสิกราวปีค.ศ. 250-600 ถึงขนาดมีสิ่งปลูกสร้างหลงเหลือให้ชมมากกว่า 500 แห่ง และคาดว่ามีประชากรถึง 42,000 คนในช่วงปลายยุคคลาสสิก ที่นี่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ ซึ่งเต็มไปด้วยธรรมชาติที่รักษาไว้เป็นอย่างดี จึงเต็มไปด้วยอากาศบริสุทธิ์และสัตว์ป่ามากมายที่สร้างความเพลิดเพลินให้แก่ผู้มาเยือน

อุทยานแห่งชาติติกัล (Tikal National Park) คือซากอารยธรรมมายาโบราณที่ยิ่งใหญ่ที่สุดซึ่งได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปีค.ศ. 1979 ตั้งห่างจากเมืองฟลอเรสประมาณ 65 กิโลเมตร มีพื้นที่กว่า 500 ตารางกิโลเมตรซึ่งรวบรวมสถาปัตยกรรมเก่าแก่ไว้มากกว่า 3,000 แห่ง ที่นี่รุ่งเรืองมากที่สุดในยุคคลาสสิกซึ่งคาดว่าอาจมีประชากรกว่า 100,000 -250,000 คน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองทางวัฒนธรรม การเกษตร  การทหาร และการค้าขายจนหาที่เปรียบได้ยากในยุคสมัยเดียวกัน  อุทยานแห่งนี้คงความสวยงามของสถาปัตยกรรมมายาไว้ได้เป็นอย่างดี และยังมีธรรมชาติที่สวยงามของผืนป่าดิบชื้น โดยคำว่า “ติกัล” แปลว่าสถานที่แห่งเสียง โดยมีสถานที่สำคัญมากมาย อาทิ พิพิธภัณฑ์ซิลวานัส มอร์เรย์ (Museo Sylvanus G. Morley) ซึ่งตั้งชื่อตามนักโบราณคดีชาวอเมริกันท่านหนึ่ง ที่นี่จัดแสดงและให้ข้อมูลวัตถุโบราณที่ขุดค้นพบ โดยเฉพาะเครื่องกระเบื้องและสิ่งของแกะสลักต่าง ๆ

กลุ่มอาคารมุนโด เปอร์ดิโด (Mundo Perdido Complex) เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมที่ใหญ่ที่สุดและยังเป็นสถาปัตยกรรมแห่งแรกของติกัลในช่วงก่อนยุคคลาสสิก ที่นี่ถูกค้นพบครั้งแรกโดยนักโบราณคดีชาวกัวเตมาลาในทศวรรษที่ 1970 มีพีระมิดแห่งโลกที่สาบสูญ (The Lost World Pyramid) เป็นไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดชม เพราะมีความยิ่งใหญ่มากที่สุดในกลุ่มอาคารแห่งนี้ และแสดงถึงอารยธรรมมายาอันยิ่งใหญ่ ประดับประดาด้วยประติมากรรมต่าง ๆ มากมาย และมีสภาพสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่ง

หมู่วิหารพีระมิด (Pyramid Temples of Tikal) เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญของอุทยานแห่งนี้ มีกลุ่มพีระมิดสำคัญ 7 แห่งซึ่งมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป อาทิ The Temple of the Jaguar (วิหาร 1) เป็นสุสานสำคัญของผู้ปกครองติกัลลำดับที่ 26 ชื่อ Jasaw Chan K’awiil I บริเวณทางขึ้นจะมีศิลาจารึกบอกเล่าเรื่องราวในอดีต คาดว่าสร้างราวปีค.ศ. 732 The Temple of the Masks (วิหาร 2) ตั้งตรงข้ามวิหาร 1 เชื่อกันว่าสร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 7 เพื่อเป็นสุสานสำหรับมเหสีของ Jasaw Chan K’awiil I ทว่ากลับไม่พบสุสานภายในวิหาร บนยอดวิหารถูกสลักเป็นรูปหน้าคน และ Temple of the Jaguar Priest (วิหาร 3) สร้างราวปีค.ศ. 810 มีความสูงกว่า 55 เมตร ที่นี่มีความน่าสนใจ คือสร้างในยุคสมัยที่ไม่ปรากฏชื่อกษัตริย์ ทำให้ยังคงเป็นปริศนาจนถึงปัจจุบัน  มีหลังคาแกะสลักแต่ว่าชำรุดเสียหายไปมาก คาดว่าเกิดจากการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา  นอกจากนี้ยังมีพีระมิดอื่นในหมู่วิหารพีระมิดอีก 4 แห่งซึ่งล้วนมีความเป็นมาที่น่าสนใจทั้งสิ้น

เมืองแอนติกัว (Antigua) เป็นเมืองทางใต้ของกัวเตมาลาซึ่งเคยเป็นอาณานิคมของสเปน และเป็นเมืองหลวงเมืองที่สามหลังโยกย้ายมาแล้วถึง 2 ครั้ง ก่อนที่จะย้ายไปยังพื้นที่บริเวณเมืองกัวเตมาลา ซิตี้ในปีค.ศ.1776 เพราะแอนติกัวได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว ที่นี่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมบาโรกที่ได้รับการอนุรักษ์เป็นอย่างดีจนองค์การยูเนสโกขึ้นทะเบียนให้เป็นเมืองมรดกโลกในปีค.ศ. 1979  ผลของการเป็นอาณานิคมสเปนทำให้เมืองนี้มีกลิ่นอายสเปน รุ่มรวยไปด้วยประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมที่สวยงาม จนเป็นหนึ่งในจุดหมายของนักเดินทางหลาย ๆ คนจากทุกสารทิศ

ประเทศฮอนดูรัส (Honduras)

ประเทศฮอนดูรัส หรือสาธารณรัฐฮอนดูรัส เป็นประเทศที่ยังคงเอกลักษณ์ของอารยธรรมมายาไว้ได้เป็นอย่างดี และเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นเฉพาะตัว มีอาณาเขตทิศตะวันตกติดกับกัวเตมาลา ทิศตะวันตกเฉียงใต้ติดกับเอลซัลวาดอร์ และทิศตะวันออกเฉียงใต้ติดกับนิการากัว มีประชากรอาศัยอยู่ราว 8 ล้านคน โดยฮอนดูรัสมีชื่อเสียงเกี่ยวกับการส่งออกกาแฟ ผลไม้เมืองร้อน และเสื้อผ้า

เมืองโคปัน (Copan) ได้รับฉายาว่า “มหานครแห่งจักรพรรดิ” จากผู้ปกครองชาวสเปนในปีค.ศ. 1538 ที่ชื่อ “โคปัน” มีที่มาจากเผ่าโคปาอูซึ่งเป็นผู้พัฒนาเมืองจนเจริญรุ่งเรือง เป็นเมืองโบราณเก่าแก่ที่ตั้งอยู่สูงถึง 1,300 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล โดยเป็นพื้นที่หลักของอุตสาหกรรมเพาะปลูกกาแฟและการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ

มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่ไม่ควรพลาด คือ โบราณสถานแห่งเมืองโคปัน (Copan Archaeological Site) ซึ่งเป็นโบราณสถานอารยธรรมมายา มรดกโลกอันเก่าแก่และสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก คาดว่าชาวมายาตั้งเมืองโบราณแห่งนี้ในหุบเขาโคปันราวปีค.ศ. 100 นักท่องเที่ยวจะพบสิ่งปลูกสร้างเอกลักษณ์ชนเผ่ามายามากมาย ทั้งพีระมิดสำหรับบูชาเทพเจ้า ซากปรักหักพัง และรูปปั้นต่าง ๆ มากมายจึงคาดว่าเป็นอดีตเมืองหลวงก่อนที่ผู้คนจะอพยพไปที่อื่น ที่นี่แบ่งออกได้เป็น 2 ส่วนหลัก ๆ คือลานใหญ่ (Great Plaza)

ซึ่งเต็มไปด้วยศิลาจารึก แท่งศิลาจำหลักภาพ และลานสาธารณะที่คนในอดีตใช้ทำกิจกรรม และเนินอะโครโปลิส (Acropolis) เป็นเนินสูงราว 25 เมตร เต็มไปด้วยพีระมิดและวิหารกษัตริย์ราชวงศ์โคปัน โดยมีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและมีชื่อเสียงมาก 2 แห่ง คือสถาปัตยกรรมหมายเลข 16 ที่มีบันไดอักขระจำหลักมายาที่ยาวที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน มีทั้งหมด 2,200 ภาพซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของกษัตริย์ในอดีตและราชวงศ์โคปัน และสถาปัตยกรรมหมายเลข 26 ที่มีแผ่นบูชาคิว (Altar Q) รูปจำหลักกษัตริย์ 15 พระองค์

ประเทศเอล ซัลวาดอร์ (El Salvador)

เอลซัลวาดอร์ มีชื่ออย่างเป็นทางการว่าสาธารณรัฐเอลซัลวาดอร์ เป็นประเทศที่เล็กและมีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นที่สุดในทวีปอเมริกากลาง โดยเฉพาะในเมืองหลวงอย่างซาน ซัลวาดอร์ (San Salvador) โดยทิศตะวันออกเฉียงเหนือติดกับฮอนดูรัส และทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดกับกัวเตมาลา มีจุดเด่น คือแหล่งโบราณคดีและธรรมชาติอันสวยงาม โดยเฉพาะภูเขาไฟที่มีอยู่มากมายทั่วประเทศ เพราะตั้งอยู่บริเวณวงแหวนไฟแห่งแปซิฟิก (the Pacific Ring of Fire)

เมืองซาน ซัลวาดอร์ (San Salvador) เป็นเมืองหลวงของประเทศซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่มากที่สุดในประเทศ ครอบคลุมพื้นที่ถึง 514 ตารางกิโลเมตร ที่นี่เป็นศูนย์กลางแห่งความทันสมัยต่าง ๆ เศรษฐกิจ โดยเฉพาะยาสูบ สิ่งทอ และสบู่ รวมถึงวัฒนธรรมอันหลากหลาย แต่ก็ยังมีบริเวณชานเมืองที่ร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้ให้สูดอากาศบริสุทธิ์ หรือจะเป็นสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ในเขตเมืองเก่าที่มีวิหารเมโทรโปลิแตนแห่งซาน ซัลวาดอร์ (Metropolitan Cathedral of San Salvador) เป็นโบสถ์หลักของคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกของเมือง และเป็นสถานที่ฝังพระศพของอาร์ชบิชอป ออสการ์ โรมิโร (Oscar Romero) โรงละครแห่งชาติ (National Theater) ซึ่งเป็นโรงละครที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในอเมริกากลาง สร้างเสร็จในปีค.ศ.1917  พระราชวังแห่งชาติ (National Palace) อันสวยงามซึ่งสร้างทดแทนวังหลังเดิมที่ถูกเผาไหม้ในปีค.ศ.1889 และมีจัตุรัสซัลวาดอร์ เดล มุนโด (Plaza Salvador del Mundo) ซึ่งมีอนุสาวรีย์ที่สร้างอุทิศแก่พระเจ้าผู้กอบกู้โลกอันเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติ และมีอาคารต่าง ๆ ให้ชมตลอดทาง

เมืองโบราณโฮยา เด เซเรน (Joya de Ceren) หรือรู้จักในนามปอมเปอีแห่งทวีปอเมริกา (Pompeii of the Americas) เพราะถูกการระเบิดของภูเขาไฟคาลเดอร่า (Caldera Volcano) เมื่อ 1,400 ปีก่อนทำลายเมือง ทำให้เมืองมายาอันเจริญรุ่งเรืองมีสภาพไม่ต่างจากแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของอิตาลี เถ้าถ่านภูเขาไฟทำให้สถาปัตยกรรมมายาแห่งนี้ และสิ่งของต่าง ๆ

แม้แต่เมล็ดฟักทองมีสภาพดีจวบจนปัจจุบัน และจากหลักฐานที่พบยังคาดว่าเป็นเมืองที่นิยมนำเข้าเครื่องกระเบื้องและหยก โดยองค์การยูเนสโกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปีค.ศ. 1993 และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของประเทศเอลซัลวาดอร์ที่ไม่ควรพลาด นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์โฮยา เด เซเรน (Museo de Joya de Ceren) สร้างในปีค.ศ. 1993 ที่นี่รวบรวมโบราณวัตถุ รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ มีภาพถ่ายและนิทรรศการให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชมและศึกษาภูมิหลังของเมืองโบราณแห่งนี้

ประเทศปานามา (Panama)

มีชื่ออย่างเป็นทางการว่าสาธารณรัฐปานามา ตั้งอยู่ทางใต้ของทวีปอเมริกากลาง ทิศตะวันตกติดกับคอสตาริกา และทิศตะวันออกติดกับโคลอมเบีย มีพื้นที่เพียง 75,000 ตารางกิโลเมตรซึ่งเล็กกว่าประเทศไทยเกือบ 7 เท่า มีเมืองหลวงชื่อปานามาซิตี้ ปานามาเต็มไปด้วยป่าอุดมสมบูรณ์ที่มีพืชพรรณและสัตว์ป่าเขตร้อนต่าง ๆ มากมาย โดยดำเนินเศรษฐกิจด้วยการส่งออกสินค้าเกษตรกรรมและกาแฟ  มีธรรมชาติที่สวยงามอันเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวหลายคน

หมู่บ้านวัฒนธรรมเอมเบร่าวูแนน (Embera Wounaan Community) หรือที่รู้จักกันในนาม Choco เป็นชนเผ่ามีภาษาของตนเองทั้งภาษา Embera และ Wounaan มีวัฒนธรรมเป็นเอกลักษณ์ที่รอให้ทุกคนมาสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นอาหารพื้นเมือง การแสดงและดนตรีพื้นเมือง รวมถึงรอยสักหลากหลายลวดลายของชนเผ่า นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่ที่อุดมไปด้วยพืชพรรณและสัตว์ป่าหลากหลายชนิด

เกาะลิง (Monkey Island) คือเกาะที่เปรียบเสมือนบ้านของลิงหลากหลายสายพันธุ์ โดยเฉพาะลิงท้องถิ่นประจำอเมริกากลาง โดยเฉพาะ Mantled howler Monkey ที่เป็นหนึ่งในลิงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอเมริกากลาง และ Panamanian white-faced capuchin ซึ่งเป็นสัตว์ที่ฉลาดมากและช่วยแพร่กระจายเมล็ดพันธุ์พืชและเกสรดอกไม้ต่าง ๆ นอกจากการชมลิงนานาพันธุ์ นักท่องเที่ยวยังสามารถดื่มด่ำบรรยากาศสบาย ๆ และชมความสวยงามของแม่น้ำและผืนป่ารอบ ๆ เกาะได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นเกาะที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์และดูห่างไกลจากโลกสมัยใหม่ แต่ก็สามารถสัมผัสชีวิตกลางผืนป่าได้ โดยมีบริษัททัวร์ให้บริการจากเมืองปานามาซิตี้

คลองปานามา (Panama Canal) เป็นเส้นทางลัดโลกคลองที่ 2 ต่อจากคลองสุเอซ คลองแห่งนี้มีความยาว 77 กิโลเมตรซึ่งเชื่อมต่อระหว่างมหาสมุทรแอตแลนติกและมหาสมุทรแปซิฟิก ทำให้สามารถร่นระยะในการเดินเรือที่ต้องเดินทางอ้อมช่องแคบเดรก (Drake Passage) และแหลมฮอร์น (Cape Horn) ได้ถึง 22,500 กิโลเมตร หรือราว 21 วัน มีเรือแล่นผ่านคลองแห่งนี้ประมาณ 17,500 ลำต่อปี เริ่มต้นโครงการโดยฝรั่งเศสในปีค.ศ. 1881 แต่ต้องชะงักลงเพราะโรคมาลาเรียและไข้เหลือง มีคนงานถึง 1 ใน 3 ล้มป่วย ก่อนที่จะล้มเลิกโครงการและขายสัมปทานให้อเมริกาในปีค.ศ. 1904 กระทั่งเทคโนโลยีเจริญก้าวหน้าและเริ่มใช้งานระบบประตูกั้นน้ำ รวมใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 33ปี นับเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติที่ทำให้การเดินทางทางเรือที่สำคัญของโลกซึ่งเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

ที่นี่มีประตูกั้นน้ำมิราฟลอเรส (Miraflores Locks) เป็นหนึ่งใน 3 ประตูกั้นน้ำของคลองแห่งนี้ โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือจุดที่ระดับน้ำขึ้นลง 16.5 เมตร สำหรับผ่านไปยังทะเลสบมิราฟลอเรส (Miraflores lake) และระดับน้ำขึ้นลง 9.5 เมตรเพื่อผ่านไปยังประตูกั้นน้ำเปโดรมิเกล (Pedro Miguel Locks) และมุ่งตรงผ่านช่องเขาเกลลาร์ด (Gaillard Cut) หรือรู้จักกันในชื่อ Culebra Cut ซึ่งแบ่งทวีปอเมริกาเป็น 2 ส่วน เป็นช่องเขาที่สร้างโดยแรงงานมนุษย์และทรัพยากรจำนวนมากทั้งที่เจาะหิน ระเบิดไดนาไมต์ และอุปกรณ์อื่น ๆ นับไม่ถ้วน ถือว่าเป็นจุดที่ก่อสร้างได้ยากที่สุด เพราะมีดินและหินที่หนาแน่น ทั้งยังต้องขุดเจาะให้ลึกเป็นพิเศษ จนนับว่าเป็นหนึ่งในผลงานวิศวกรรมที่ยอดเยี่ยมในอดีต จนทำให้คลองปานามาเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าที่สำคัญมากแห่งหนึ่ง และยังคงมีการพัฒนาขุดคลองส่วนต่อขยายจนถึงปัจจุบัน

เส้นทางอมาดอร์ คอสเวย์ (Amador Causeway) เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของประเทศปานามา โดยเฉพาะนักวิ่งและนักปั่นจักรยาน ที่นี่สร้างในปีค.ศ. 1999 ตั้งชื่อตามประธานาธิบดีคนแรกของประเทศ คือ Manuel Amador Guerrero ถนนเส้นนี้ยาวราว 6 กิโลเมตรทอดตัวสู่มหาสมุทรแปซิฟิกเชื่อมระหว่างเกาะเนาส์ (Naos island) เกาะเปอร์ริโก (Perico island) เกาะฟลาเมนโก (Flamenco) และเกาะคูเลบรา (Culebra) ซึ่งเกาะต่าง ๆ จะมีท่าเรือ สิ่งอำนวยความสะดวก ห้างสรรพสินค้า และร้านอาหารครบครันรองรับนักท่องเที่ยว โดยที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีวิวทิวทัศน์สวยงามที่สุดของประเทศ

สนใจเดินทางสู่เม็กซิโกและอเมริกากลาง
โทร. 098 885 8842 / 098 865 2094

Close