สแกนดิเนเวีย มหัศจรรย์แสงเหนือสุดขอบฟ้า

ออโรราเกิดขึ้นบริเวณรูปไข่รอบ ๆ ขั้วแม่เหล็กโลก ซึ่งขั้วโลกเหนืออยู่ทางตอนเหนือของแคนาดา แสงเหนือจึงพบมากที่เส้นรุ้งที่มีประชากรอาศัยมากในซีกโลกตะวันตก ไล่เรียงตั้งแต่ตอนเหนือของประเทศฟินแลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ แคนาดา และรัสเซีย ซึ่งครั้งนี้เราจะพาไปสัมผัสมหัศจรรย์แสงเหนือและชมความสวยงามพร้อมกิจกรรมห้ามพลาดมากมายที่เลปแลนด์ ฟินแลนด์ สวีเดน และนอรเวย์!

Helsinki, Finland

เฮลซิงกิ เมืองหลวงของฟินแลนด์ เคยอยู่ภายใต้การปกครองของรัสเซีย ทำให้มีวัฒนธรรมผสมผสานระหว่างตะวันออกและตะวันตก เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่งดงามและสถาปัตยกรรมร่วมสมัย อีกทั้งที่ตั้งยังอยู่ท่ามกลางหมู่เกาะมากมายในทะเลบอลติก ทำให้เฮลซิงกิได้รับฉายาว่าเป็น ธิดาแห่งทะเลบอลติก และในปีค.ศ. 2000 ยังได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมของยุโรปด้วยคำขวัญที่ว่า Helsinki The high tech city where culture meets nature”

นอกจากแสงเหนือแล้วห้ามพลาดการเยี่ยมชม จัตุรัสเซเนท (Senate Square) สถาปัตยกรรมแบบยุโรปที่งดงามและคลาสสิคใจกลางจัตุรัสมีอนุสาวรีย์พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 2 ประดิษฐานอยู่อย่างโดดเด่น เป็นสง่า และชม มหาวิหารเฮลซิงกิ (Helsinki Cathedral) ซึ่งในอดีตเรียกว่าโบสถ์นิโคลัส เป็นมหาวิหารสีขาวบริสุทธิ์สวยงาม ตั้งเด่นตระหง่านอยู่ จนเรียกว่าเป็นจุดแลนด์มาร์กของเฮลซิงกิ

น้ำพุธิดาแห่งทะเลบอลติก (Havis Amanda) ถือว่าน้ำพุแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของเมืองเฮลซิงกิ และเป็นที่มาของฉายานาม ธิดาแห่งทะเลบอลติก ซึ่งน้ำพุนี้ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1908 ได้รับการออกแบบโดย นายวิลเลย์ วาเกนโดยได้ทำการปั้นรูปสาวงามว่าให้นางเป็นตัวแทนของเฮลซิงกิ ส่วนบอลติกก็คือคาบสมุทรที่เมืองนี้

โบสถ์เทมเปลิโอคิโอ (Temppeliaukio Church) หรือ โบสถ์หิน (Rock Church) เป็นโบสถ์ที่มีสถาปัตยกรรมแปลกกว่าที่อื่น โดยแต่เดิมพื้นที่ของโบสถ์นี้เป็นเนินเขาและผู้ออกแบบได้ใช้วิธีสร้างโบสถ์ที่น่าสนใจ คือระเบิดเนินหินตรงกลาง เพื่อสร้างโบสถ์ในนั้น โบสถ์ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นโบสถ์แห่งความรักและมีความเชื่อว่าเมื่อใครก็ตามที่จุดเทียน อธิฐานเรื่องเกี่ยวกับความรักในโบสถ์นี้แล้วจะสมหวังในสิ่งที่อธิฐาน คนฟินแลนด์มีความเชื่อเรื่องนี้เนื่องจากโบสถ์นี้สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2511 และเสร็จเมื่อวันที่14 กุมภาพันธ์ของปีถัดไป และนั้นคือสาเหตุที่หนุ่มสาวชาวเฮลซิงกินิยมเลือกมาจัดงานแต่งกันที่โบสถ์แห่งนี้

อนุสาวรีย์ซองน์ซิเมลิอุส (The Sibelius Monument) อนุสาวรีย์รูปทรงแปลกตาของซองน์ซิเมลิอุส นักประพันธ์เพลงชาวฟินแลนด์ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกและเป็นคนแต่งเพลงชาติฟินแลนด์ ‘Finlanddia’ ซึ่งตั้งอยู่ภายใน สวนซีเบเลียส (Sibelius Park) ซึ่งสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับ ฌอง ซิเบเลียส ออกแบบโดย Eila Hiltunen ประติมากรชาวฟินแลนด์ ประกอบไปด้วยท่อเหล็กประมาณ 600 ท่อเชื่อมประสานเข้าด้วยกันอนุสาวรีย์ซีเบเลียสนี้มีน้ำหนักถึง 24 ตัน

แลปแลนด์ (Lapland) ดินแดนที่อยู่ทางเหนือสุดของสมุทรสแกนดิเนเวีย ครอบคลุมพื้นที่ทางตอนเหนือของนอรเวย์ สวีเดน ฟินแลนด์ และคาบสมุทรโคลาของรัสเซีย แต่พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศฟินแลนด์และอยู่เหนือเส้นอาร์กติกเซอร์เคิล จึงมีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี

ชม ทะเลสาบอินารี (Inari Lake) ทะเลสาบที่สวยงามแห่งหนึ่งของฟินแลนด์ อยู่ในเขตอาร์กติกเซอร์เคิล ยาว 80 กิโลเมตร และกว้าง 40 กิโลเมตร เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืดที่อุดมสมบูรณ์ ทางตอนเหนือของฟินแลนด์ ทะเลสาบตั้งอยู่ในส่วนหนึ่งของแลปแลนด์ (Lapland) ซึ่งเป็นที่อยู่ของชาวแลปหรือชาวซามิ ชนพื้นเมืองดั้งเดิมของดินแดนแถบนี้ โดยมีสัตว์ประจำถิ่นคือกวางเรนเดียร์ที่ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย เช่น ใช้ลากรถเลื่อน ซึ่งเชื่อกันว่ากวางเรนเดียร์เป็นพาหนะของซานตาคลอสในวันคริสต์มาสที่ออกไปแจกของขวัญกับเด็ก ๆ นอกจากนี้บริเวณทะเลสาบอินารียังเคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทําภาพยนตร์แอคชั่นของฮอลลีวู้ดเรื่อง Firefox ที่กำกับและนำแสดงโดย คลินท์ อีสท์วู้ดในปี 1982

ชม พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นซีดาร์ (Siida Museum) พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านซึ่งเป็นสถานที่เก็บรวบรวม วัฒนธรรมทางอารยธรรมทางตอนเหนือ ในเขตดินแดนแลปแลนด์แสดงถึงความเป็นอยู่ท้องถิ่นในอดีตมาจนถึงปัจจุบัน

ศูนย์วัฒนธรรมซามิ (The Sami Cultural Centre) หรือชนพื้นเมืองเดิมในเขตแลปแลนด์ ที่อาศัยอยู่ในเขตประเทศนอร์เวย์ สวีเดน ฟินแลนด์ และคาบสมุทรโกลา รัสเซีย ชาวซามิพูดภาษากลุ่มซามิ ซึ่งอยู่ใน กลุ่มภาษาฟินโน-ยูกริก ปัจจุบันประมาณกันว่ามีชาวซามิ เหลืออยู่ทั้งหมด 75,000 คน โดยส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในประเทศนอร์เวย์

Ivalo, Finland

อิวาโล เมืองใหญ่ที่สุดในฟินด์มาร์ค เป็นที่รู้จักในหมู่ชาวประมงว่ามีแหล่งแม่น้ำที่มีปลาแซลมอนดีที่สุดในโลก ดินแดนศูนย์กลางชาวแลปป์ (Lapland)

Saariselka, Finland

ซาร์ริเซลก้า เมืองท่องเที่ยวทางตอนเหนือของฟินแลนด์มีชื่อเสียงอย่างมากด้านที่พักและรีสอร์ท ต้องไปชม หมู่บ้านอิกลูแคคสลอตทาเนน (Igloo Village Kakslauttanen) ที่ตั้งอยู่เหนือเส้นเขตขั้วโลกเหนือเขต แลปแลนด์ (Lapland) โดยสถานที่แห่งนี้อยู่ท่ามกลางความหนาวเหน็บของอากาศที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ และยังมีวิวทิวทัศน์ให้ชื่นชมความสวยงามของป่าเขาท่ามกลางหิมะขาวโพรน สร้างด้วยกระจกนำความร้อนแบบพิเศษ ซึ่งจะทำให้ระดับอุณหภูมิ ภายในห้องอบอุ่นตลอด อีกทั้งยังป้องกนักระจกไม่ให้ถูกน้ำแข็งเกาะเพื่อให้ท่านได้ชมวิว ภายนอกอย่างชัดเจนแม้ว่าอุณหภูมิภายนอกจะลดต่ำลงมากกว่า -30 องศาเซลเซียส

ฮัสกี้ซาฟารีฟาร์ม (Husky Safari Farm) สัมผัสกับความน่ารักและแสนรู้ของสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้ ซึ่งเป็นสุนัขที่แข็งแรง คล่องแคล่ว เต็มไปด้วยพลัง เป็นคุณสมบัติที่สืบทอดจากบรรพบุรุษที่มาจากสิ่งแวดล้อม ที่หนาวเย็นอย่างรุนแรงของไซบีเรียน และจากการเพาะพันธุ์ของชาวชุกชี (Chukchi) ที่อาศัยอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปเอเชีย สุนัขถูกนำเข้ามาในอลาสก้า (Alaska) ระหว่างช่วงตื่นทองที่เมืองนอมน์ (Nome) และแพร่เข้าสู่สหรัฐอเมริกาและแคนาดาในฐานะสุนัขลากเลื่อน ที่มีประสิทธิภาพในการลากเลื่อนสูงสุดในบรรดาสุนัขลากเลื่อนทั้งหมด ทั้งนี้เนื่องจากสุนัขมีน้ำหนักเบา คล่องตัว ว่องไว แข็งแรง อดทนต่อความหนาวเย็น และความอดอยากในฤดูหนาวได้ดีรวมทั้งมีความอดทนต่อความเหนื่อยล้าเป็นที่หนึ่ง จึงทำให้สามารถลากเลื่อนด้วยความเร็วเป็นเวลาติดต่อกันนาน ๆ ในอุณหภูมิที่ต่ำกว่าศูนย์องศาเซลเซียส สุนัขลากเลื่อนยังเป็นกีฬายอดนิยม โดยมีมัชเชอร์ (Musher) เป็นผู้บังคับเลื่อนในการแข่งขันแต่ละครั้งจนแพร่หลายไปยังหลายประเทศแถบขั้วโลก

ฟาร์มกวางเรนเดียร์ (Reindeer Farm) นั่งรถเลื่อนลากโดยกวางเรนเดียร์ ข้ามผ่านเส้นอาร์กติกเซอร์เคิล ให้ได้สัมผัสกับความน่ารักของกวางเรนเดียร์ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดใหญ่โดยตัวผู้มีขนาดใหญ่ ขนาดโตเต็มที่น้ำหนักกว่า 300 กิโลกรัมและสูงประมาณ 214 เซนติเมตร ขนตามลำตัวปกติจะมีสีน้ำตาล แต่เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว ขนจะเปลี่ยนไปเป็นสีอ่อนขึ้น หรือสีขาว ชาวแลปแลนด์ นิยมเลี้ยงไว้เพื่อใช้งานสำหรับรถลากเลื่อน

ก่อนเดินทางกลับหมู่บ้านอิกลูแคคสลอตทาเนนไปชมโบสถ์น้ำแข็งและบาร์น้ำแข็ง ซึ่งถูกสร้างขึ้นทุก ๆ ช่วงฤดูหนาวเท่านั้น หากโชคดีจะได้พบความงามของแสงเหนือพาดผ่านท้องฟ้ายามค่ำคืนได้จากห้องพักส่วนตัว

Rovaniemi, Finland

โรวาเนียมิ เมืองซึ่งตั้งอยู่บริเวณเส้นอาร์กติกเซอร์เคิล เป็นเมืองศูนย์กลางธุรกิจ การปกครอง และการศึกษาของประเทศฟินแลนด์ทางตอนเหนือ ตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำ Kemijoki  และแม่น้ำ Ounasjoki ได้ชื่อว่าเป็นเมืองปากประตูสู่แผ่นดินชาวแลปป์ และยังถือว่าเป็นเมืองของซานตาคลอสที่เด็ก ๆ รู้จักกันทั่วโลก

ชม หมู่บ้านซานตาคลอส (Santa Claus Village) ภายในประกอบด้วย ซานตาคลอสออฟฟิศ (Santa Claus Office) ที่ทำการของซานตาคลอส ภายในตกแต่งด้วยสีสันสดใสมากมาย พร้อมซานตาคลอสตัวโตในชุดคริสต์มาสสีแดงที่คอยต้อนรับผู้มาเยือน ที่ทำการไปรษณีย์ซานตาคลอส (Santa Claus Main Post Office) ให้สามารถเลือกซื้อไปรษณียบัตรหลากหลายสีสันเพื่อเขียนอวยพรครอบครัวและมิตรสหายพร้อมทั้งฝากซานตาคลอสส่งกลับมายังประเทศไทยได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ในวันคริสต์มาสหรือปีใหม่ได้

ถ่ายรูปกับเส้นอาร์คติกเซอร์เคิล (Arctic Circle) เส้นแบ่งเขตแดนตามรุ้งและแวงเพื่อกำหนดขอบเขตของบริเวณซีกโลกเหนือ คนที่อยู่แถบนี้มีโอกาสไม้พบพระอาทิตย์ขึ้นเลยอย่างน้อย 24 ชั่วโมง

พิพิธภัณฑ์อาร์ติคุม (Arktikum Museum) พิพิธภัณฑ์ชาวแลปป์ที่สามารถสัมผัสวิถีชีวิตของชาวแลปป์ ที่อยู่อาศัย ข้าวของเครื่องใช้ท่ามกลางความหนาวเย็น

Kemi, Finland

เคมิ เมืองท่องเที่ยวตั้งอยู่ริมอ่าวน้ำลึกบอทเนีย (Gulf of Bothnia) บริเวณทางตอนเหนือของทะเลบอลติก มีประชากรอาศัยอยู่เพียง 22,000 คน แต่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่มีความสำคัญของแลปแลนด์ เนื่องจากเป็นที่ประจำการของเรือตัดน้ำแข็ง และมีการจัดเทศกาลปราสาทในทุก ๆ ปี นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของเหมืองแร่โครเมียมแห่งเดียวในทวีปยุโรปอีกด้วย

ชม ปราสาทน้ำแข็ง (Lumi Linna Snow Castle) อันเป็นผลงานประติมากรรมระดับโลก ซึ่งจะจัดการแสดงขึ้นทุก ๆ ปีของฤดูหนาว จะมีการรังสรรค์ผลงานอันยิ่งใหญ่ โดยทีมงานผู้ชำนาญการจะเริ่มแกะสลักและนำเอาน้ำแข็งก้อนมหึมามาตกแต่งเป็นรูปแบบต่าง ๆ รวมถึงการจำลองแบบให้เป็นเมืองน้ำแข็งที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลกโดยฝีมือมนุษย์อย่างแท้จริง

นั่งเรือตัดน้ำแข็งแซมโป ขนาดใหญ่กว่า 3,500 ตัน สัมผัสประสบการณ์การลงเล่นน้ำในทะเลน้ำแข็งบอลติคในอุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียส ด้วยชุดกันความเย็นพิเศษและลอยน้ำได้

Kiruna, Sweden

คิรูนา เมืองเล็ก ๆ ทางตอนเหนือของประเทศสวีเดน มีหมู่บ้านเล็ก ๆ ชื่อว่า Jukkasjarvi ที่มีแม่น้ำ Torne ซึ่งจะกลายเป็นน้ำแข็งตลอดสายในช่วงฤดูหนาว จนได้รับความสนใจจากศิลปินนักแกะสลักน้ำแข็งระดับโลกมาใช้เป็นสถานที่แสดงผลงาน การแกะสลักน้ำแข็งในช่วงปลายทศวรรษที่ 80 อีกทั้งยังมีโรงแรมน้ำแข็งแห่งแรกของโลก วิถีชีวิตของชาวพื้นเมืองที่ไม่เหมือนกับคนอื่นทั่วไป อาหารการกินของที่นี่ล้วนแล้วแต่เป็นเนื้อสัตว์ที่ให้ความอบอุ่นโดยเฉพาะเนื้อกวาง

ชม โบสถ์ไม้แห่งคิรูนา (Kiruna Church) โบสถ์เก่าแก่ของเมืองและเป็นอาคารไม้ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศสวีเดน  ตัวโบสถ์สร้างเลียนแบบกระท่อมของชนพื้นเมืองซามิขนาดมหึมาตั้งเด่นอยู่หน้าภูเขาหิมะและได้รับการเลือกให้เป็นอาคารที่สวยที่สุดในสวีเดนในปี 2001

โรงแรมน้ำแข็ง (Jukkasjärvi Ice Hotel) ณ หมู่บ้านจุ๊กกาเซียร์วิ ทางภาคเหนือของประเทศสวีเดน ครอบคลุมพื้นที่ 59,200 ตารางฟุต สร้างขึ้นจากเสาน้ำแข็ง 2,000 และก้อนน้ำแข็งอีก 3,000 ตัน โดยใช้วัตถุดิบน้ำแข็งใกล้ ๆ บริเวณแม่น้ำ Torne ทุกปีจะศิลปินจากทั่วโลกพากันไปโรงแรมน้ำแข็ง ทุกฤดูหนาวเพื่อสัมผัสบรรยากาศ ความแปลกใหม่ รวมถึงสร้างห้องประติมากรรมน้ำแข็งเพิ่มสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ ให้กับโรงแรมแต่ละห้องจะมีเตียงน้ำแข็งและผ้าคลุมขนสัตว์เป็นผ้าปูที่นอน ลวดลายหรือของตกแต่งจะต่างกันไปในแต่ละห้อง

อุทยานแห่งชาติอบิสโก (Abisko National Park)  ขึ้นชื่อเรื่องความงามของธรรมชาติ สัตว์ป่า กิจกรรมปีนเขา การชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนในฤดูหนาว การเล่นสกี การเดินย่ำหิมะในฤดูหนาวและได้รับการยกย่องว่าเป็นสถานที่ดูแสงเหนือที่ดีที่สุดในสวีเดน

Svolvaer, Norway

สโววาร์ด เมืองหลวงและเมืองเอกของหมู่เกาะโลโฟเธน หมู่เกาะที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในโลก ประเทศนอรเวย์ ต้องล่องเรือด่วนเข้าไป ระหว่างทางผ่านปากทางเข้า โทรลฟยอร์ด (Trollfjord) จะได้สัมผัสกับโตรกผ่าสูงชันของฟยอร์ดแบบใกล้ชิด ระหว่างทางจะได้ทัศนียภาพภูเขาหิมะสูงชันตลอดสองข้างทางโตรกธารฟยอร์ดตั้งแต่ ยอดเขาฮิกราฟทินเดอร์ (Higravtinder) และ ยอดเขาโทรลทินเดอร์ (Trolltinder) ที่พุ่งตระหง่านจากเทือกเขาโทรลฟยอร์ดวัทน์ (Trollfjordvatn) ที่ยาวกว่า 2 กิโลเมตร ผ่านน้ำตกที่เกิดจากหิมะละลายลงมาตามหน้าผาชันที่งดงาม

เมื่อเรือเทียบท่าเชิญสัมผัสแลนมาร์คสำคัญของเมือง ยอดเขาสโววาร์ดเยียต้า (Svolvaergeita Peak) หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม เขาแพะ (The Goat) เนื่องจากยอดเขามีลักษณะพิเศษเป็นแท่งหินคู่ สูงชัน 569 เมตร ตั้งอยู่บนภูเขา ฟลอยเฟจ์ลเลท์ ที่มีลักษณะคล้ายเขาแพะ สามารถมองเห็นที่จากตัวเมืองปัจจุบันเป็นที่นิยมของนักปีนเขาและผู้นิยมการผจญภัย

หมู่เกาะโลโฟเธน เคยถูกโหวตให้เป็นสถานที่ที่สวยที่สุดในนอร์เวย์และเป็นหมู่เกาะที่สวยที่สุดในโลกมาแล้ว ด้วยเสน่ห์ของธรรมชาติ และหมู่บ้านที่มีสีสันสดใสที่ตั้งอยู่บนเกาะที่รายล้อมไปด้วยภูเขาน้ำแข็ง อยู่ตอนเหนือของเส้น Arctic Circle และเป็นหนึ่งในเมืองที่มีพระอาทิตย์เที่ยงคืนที่สวยที่สุดในโลก จุดเด่นของเกาะแห่งนี้นอกจากความมหัศจรรย์ของแสงเหนือแล้วยังมีผืนน้ำผืนฟ้า และภูเขาสูงสลับซับซ้อนสุดแสนสวยงาม โดยมีเมืองที่ตั้งอิงแอบอยู่ท่ามกลางธรรมชาติได้อย่างสวยงามและลงตัว

เยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์โลโฟเธน (Lofoten Museum) ที่จัดแสดงเรื่องราวของหมู่บ้านชาวประมงสมัยปีค.ศ. 1800 ปีก่อน ชมเรือประมง บ้านชาวประมงเก่า พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโลโฟเธน (Lofoten Aquarium) เรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตสัตว์ทะเลต่าง ๆ โบสถ์วาแกน (Vagan Church) โบสถ์ไม้เก่าแก่ประจำหมู่บ้านหลังใหญ่

หมู่บ้านเฮนนิ่งสวาร์ (Henningsvaer) ที่นี่มีสถาปัตยกรรมแบบเดิมที่เก็บรักษาไว้ในหมู่บ้านนอร์เวย์ดั้งเดิมเป็นจุดเริ่มต้นกิจกรรมกลางแจ้งต่าง ๆ เช่น การปีนเขา ดำน้ำ และการท่องเที่ยว หมู่บ้านเฮนนิ่งสวาร์ มักได้รับการจับคู่กับเมืองไรเน่อเพราะมีอาคารบ้านเรือนที่มีสีสันสดใสเรียงรายอยู่รอบท่าเรือและอ่าวและมีฉากหลังเป็นภูเขาที่สูงชัน

Reine, Norway

ไรเน่อ ตั้งอยู่ในภูมิทัศน์งดงาม โดยมีฉากหลังเป็น ทิวเขาไรเน่อบรินเกน (Reinebringen) ที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลังของเมืองไรเน่อ ตัดกับพื้นน้ำทะเลนอร์เวย์บนรอยต่อของมหาสมุทรแอตแลนติเหนือกับมหาสมุทรอาร์คติก งดงามราวภาพวาดและภาพของเมืองไรเน่อปรากฎตามโปสการ์ดของเกาะโลโฟเธน ถือว่าเป็นหนึ่งในภูมิทัศน์ที่งดงามที่สุดของโลโฟเธน

ล่องเรือเฟอร์รี่ชมไรเนอฟยอร์ด หนึ่งในฟยอร์ดที่สวยที่สุดของนอร์เวย์ ระหว่างทางจะสามารถเห็น ภูเขาเฮอร์มานน์ดัลสตินเด้น (Hermannsdalktinden) ภูเขาที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ในหมู่เกาะโลโฟเธน

ชม หมู่บ้านออ (Å Village) เป็นหมู่บ้านชาวประมงที่โดดเด่นแต่ไกลด้วยสีสันของบ้านเรือนที่ดูสดใส เมื่อได้เข้าไปสัมผัส จะเห็นราว ตากปลาอยู่ทั่วไปตอกย้ำความเป็นหมู่บ้านชาวประมงขนานแท้และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของเกาะ Lofoten และเป็นจุดเริ่มต้น หรือปลายทางเส้นทางท่องเที่ยวบนเกาะโลโฟเทน

Bodo, Norway

โบโด เมืองที่มีความสำคัญทางด้านการท่องเที่ยว อีกทั้งยังเป็นเมืองอยู่ทางตอนเหนือของอาร์กติกเซอร์เคิล มีขนาดใหญ่ที่สุดใน เขตนอร์ดแลนด์ (Nordland) และเป็นเมืองใหญ่เป็น อันดับ 2 ในภาคเหนือของประเทศนอร์เวย์

ชม มหาวิหารแห่งโบโด (Bodo Cathedral) หรือ (Bodo Domkirke) มหาวิหารประจำเมืองโบโด ถูกสร้างขึ้นในช่วง ปี 1956 เป็นมหาวิหารที่ค่อนข้างมีความทันสมัย และมีขนาดใหญ่ที่สุดใน เมืองโบโด โดยสิ่งที่โดดเด่นมากที่สุดก็คงจะเป็นหอ ระฆังที่มีความสูงถึง 36 เมตร และการประดับประดาหน้าต่างที่สวยงาม

กระแสน้ำวนที่ทรงพลังที่สุดในโลกที่ซอลท์ สเตราเมน (Saltstraumen) คือมีระดับความเร็วสูงสุดถึง 22 นอต หรือประมาณ 40 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง หรือ ประมาณ 25 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งนอกจากจะได้ชมความยิ่งใหญ่ของกระแสน้ำแล้วยังจะได้พบแนวหน้าผาที่มีชั้นหินคดโค้งสวยงาม และในบางจุดถูกกระแสน้ำกัดเซาะจนเป็นริ้วๆ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนซอลท์ สเตราเมนเป็นอย่างมาก

Oslo, Norway

ออสโล นครหลวงแสนสวยริมชายฝั่งทะเล โดยออสโลตั้งอยู่ขอบด้านเหนือของอ่าวฟยอร์ดที่ชื่อ ‘ออสโลฟยอร์ด’ มีบรรยากาศงดงามด้วยเกาะเล็กเกาะน้อยที่มีอยู่มากมาย และยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก

ห้ามพลาดชม พิพิธภัณฑ์เรือไวกิ้ง (Viking Ship Museum) อาคารชั้นเดียวที่จัดแสดงเรือไวกิ้ง 3 ลำ ที่สร้าง จากไม้โดยขุดได้จากรอบ ๆ ออสโลฟยอร์ดและแสดงเกี่ยวกับเครื่องมือในชีวิตประจำวันมีอายุเก่าแก่กว่า 1,000 ปี ชมตำนานความเจริญในอดีตที่ยิ่งใหญ่ของชาวไวกิ้งบรรพบุรุษของชาวนอร์เวย์ที่เดินทางไกลกว่าค่อนโลกด้วย พาหนะนี้ ชาวไวกิ้งใช้เรือในการรบ ทำการค้าและออกสำรวจหาดินแดนใหม่ๆ เรือในพิพิธภัณฑ์เรือไวกิ้งที่เด่น สง่าคือ เรืออุสแบนนิ ยาว 22 เมตร ทำจากไม้โอ๊ค ใช้ฝีพายราว 30 คนคาดว่าสร้างขึ้นเพื่อกษัตริย์ไวกิ้งใช้ในการ เดินทางระยะสั้น ๆ ในทะเล

ผ่านชมทำเนียบรัฐบาล พระบรมราชวัง และอาคารสถาปัตยกรรมเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี และชม อุทยานฟรอกเนอร์ (Frogner Sculpture Park) สวนสาธารณะอันเป็นผลงานของปฏิมากร กุสตาฟ วิกเนอร์แลนด์ และชมน้ำพุวงจรชีวิตที่มีความหมายสอนใจ

สนใจเดินทางตามหามหัศจรรย์แสงเหนือ
โทร. 098 885 8842 / 098 865 2094

 

 

Close